นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จากกรณีที่สถาบันการจัดการนานาชาติ (ไอเอ็มดี) ประกาศผลการจัดอันดับความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยในปีนี้ดีขึ้น 2 อันดับจากอันดับที่ 30 มาเป็นอันดับที่ 28 นั้น ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดีที่สะท้อนว่าการทำงานด้านต่างๆ เพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศให้ไปในทางที่ดีขึ้นได้ดำเนินการมาถูกทาง โดยถือว่าเป็นเครดิตของนายกรัฐมนตรีที่มีการแสดงเจตจำนงทางการเมือง ที่จะพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ รวมทั้งแก้ไขปัญหาอุปสรรคในการลงทุนทุกด้านให้มีความสะดวกมากขึ้น รวมทั้งต้องขอบคุณข้าราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ร่วมกันทำงานหนักจนประเทศไทยได้รับการจัดอันดับที่ดีขึ้น ซึ่งจะส่งผลต่อภาพพจน์ความน่าเชื่อถือของประเทศ ความน่าสนใจในการลงทุน รวมทั้งต้นทุนการกู้ยืมเงินจากต่างประเทศในกรณีจำเป็นจะได้ต้นทุนทางการเงินที่ลดลง ทั้งนี้คาดว่าในการจัดอันดับขีดความสามารถในปีต่อไปอันดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยจะมีการปรับอันดับดีขึ้นอีก เนื่องจากประเทศไทยจะมีการเร่งรัดการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน รวมทั้งการลงทุนเรื่องที่เกี่ยวข้องกับดิจิทัลและอินเตอร์เน็ตบรอดแบรนด์มูลค่ากว่า 1.5 – 2 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะช่วยให้การประเมินในเรื่องนี้เราได้รับคะแนนเพิ่มขึ้น แต่ก็ยังต้องเร่งทำงานหนักในเรื่องการส่งเสริมการลงทุนภาคเอกชนเพื่อให้การประเมินขีดความสามารถในการแข่งขันของเอกชนให้เพิ่มขึ้นหลังจากปีนี้ประสิทธิภาพของเอกชนเราลดลง 1 อันดับ รวมทั้งการประเมินเรื่องของการศึกษาก็ยังไม่ได้คะแนนเพิ่มขึ้นจากปีก่อน ซึ่งทั้งสองเรื่องเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องทำงานหนักมากขึ้น
“เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ดี เป็นกำลังใจในการทำงานให้เห็นว่าเมื่อทำมา 7 – 8 เดือนแล้วเอาจริงเอาจังในเรื่องที่สำคัญ ซึ่งเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นในหลายๆ ด้าน เช่น เรื่องประสิทธิภาพภาครัฐซึ่งเป็นเรื่องที่ยากมากแต่เราสามารถทำได้สำเร็จ ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีมากที่ต้องให้เครดิตท่านนายกฯ และข้าราชการที่เกี่ยวข้อง เพราะตรงนี้เมื่อตัวเลขออกมาแล้วจะมาบอกว่ารัฐบาลล้มเหลวในการบริหารประเทศก็คงพูดไม่ได้เพราะทุกอย่างตัวเลขมันฟ้องหมดแล้วว่าเราได้รับการจัดอันดับดีขึ้นในขณะที่ประเทศต่างๆ หลายประเทศในอาเซียนได้รับการจัดอันดับลดลงจากปีก่อน” นายสมคิดกล่าว
