“เคจีไอ”คาดตลาดมีโอกาสพักฐา แนะเพิ่มความระมัดระวังการลงทุน (มีคลิป)

 

นายรักพงศ์ ไชยศุภรากุล ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิจัยและกลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยในรายการคลุกวงหุ้นว่า ภาพรวมตลาดหุ้นประจำสัปดาห์นี้ ปัจจัยในประเทศหลักที่สำคัญคือ การแถลงนโยบายต่อรัฐสภาของรัฐบาล ในวันที่ 25-26 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ซึ่งมีนโยบายหลัก 12 ประการและนโยบายเร่งด่วนในช่วง 1 ปีข้างหน้าอีก 12 เรื่อง ทำให้สิ่งที่นักลงทุนติดตามมากที่สุดในขณะนี้ จึงเป็นเรื่องแนวทางของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ เพื่อพลิกฟื้นกำลังซื้อในระดับล่างถึงกลาง และการช่วยเกษตรกรรวมถึงผู้มีรายได้น้อย ซึ่งปัจจัยดังกล่าวมีส่วนให้คาดหวังว่าเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลังจะดีกว่าครึ่งปีแรกได้ โดยอีกปัจจัยหนึ่งเป็นเรื่องของแนวโน้มค่าเงินบาท ซึ่งที่ผ่านมามีบทบาทสำคัญในการชี้นำเม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติ (ฟันด์โฟลว์) ให้ไหลเข้ามาในตลาดทุนไทย ต่อจากนี้ต้องยอมรับว่าในระยะสั้นค่าเงินบาทอาจจะปรับแข็งค่าขึ้นมาได้ยาก หลังจากที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้มีมาตรการควบคุมบัญชีคงค้างออกมา ทำให้เคจีไอมองว่าในช่วง 1-2 สัปดาห์ต่อจากนี้ ค่าเงินบาทจะแกว่งตัวในกรอบแคบที่ 30.7-31 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ

นายรักพงศ์ กล่าวว่า ในส่วนของปัจจัยต่างประเทศเป็นเรื่องของผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ที่ตลาดคาดหวังว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% ในการประชุมที่จะเกิดขึ้นในช่วงปลายเดือนกรกฎาคมนี้ อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญเป็นเรื่องของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน (เทรดวอร์) ซึ่งคาดว่าจะยืดเยื้อไปถึงปี 2563 สำหรับทิศทางราคาน้ำมัน คาดว่าจะผันผวนในช่วงสั้นๆ เนื่องจากภูมิรัฐศาสตร์ ที่จะเห็นได้ว่าในส่วนของอุปสงค์และอุปทานค่อนข้างจะทรงตัว เพราะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว แต่ช่วงนี้เป็นช่วงที่ความสัมพันธ์ของอิหร่านและสหรัฐฯไม่ค่อยดีมากนัก จึงมองว่าหากมีข่าวในลักษณะนี้ออกมา จะทำให้ราคาน้ำมันฟื้นตัวได้ในระยะสั้นๆ โดยทางเคจีไอมองว่าราคาน้ำมันจะเคลื่อนไหวในกรอบ 65-70 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล

“กลยุทธ์ที่แนะนำในการลงทุน เนื่องจากเคจีไอคงมุมมองว่าบริเวณระดับ 1,750 จุด ที่ถูกดัชนีหุ้นไทยแตะระดับขึ้นไปถึงแล้วใน 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา อาจจะเป็นจุดสูงสุดของตลาดในรอบนี้ ทำให้มีโอกาสที่ดัชนีหุ้นไทยจะพักฐานหรือย่อตัวลดลงมาได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากผลการประชุมของเฟดไม่ได้สร้างความตื่นเต้นไปมากกว่าการประเมินที่ตลาดคาดไว้ จึงแนะนำให้นักลงทุนใช้ความระมัดระวังในการลงทุนมากขึ้น และเลือกลงทุนในหุ้นที่มีความโดดเด่นเฉพาะตัว”นายรักพงศ์กล่าว

Advertisement

ส่วนหุ้นเด่นจะเป็นตัวไหน ต้องติดตามในรายการคลุกวงหุ้น!

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image