“สนธิรัตน์”ผนึกกำลังร่วมพัฒนาแผนพลังงานเปลี่ยนผ่านเศรษฐกิจฐานราก ยกระดับวัสดุทางการเกษตรในชุมชนมาเป็นพลังงานอื่น ทั้งไฟฟ้าและแก๊ส ลั่นใช้กลไกกองทุนอนุรักษ์ฯช่วย เห็นแผนแน่ใน 1 เดือน ก่อนชงครม.รับทราบ และกำหนดใช้ต้นปี 63
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกระทรวงพลังงาน เปิดเผยภายหลังลงพื้นที่เยี่ยมชมพื้นที่ชุมชนตำบลผาปัง จ.ลำปาง เพื่อดูต้นแบบธุรกิจพลังงานชุมชน ว่า เตรียมหารือกับ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน(พพ.) การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค(กฟภ.) เพื่อกำหนดแผนพลังงานเปลี่ยนผ่านเศรษฐกิจฐานราก โดยพัฒนาด้านพลังงานของชุมชนในพื้นที่ห่างไกล ใช้วัตถุดิบในพื้นที่ยกระดับสู่การจัดตั้งบริษัท กิจการเพื่อสังคม(SE) เช่นเดียวกับโมเดลของชุมชนผาปัง ทั้งนี้คาดว่าแผนดังกล่าวจะดำเนินการแล้วเสร็จภายใน เดือนนับจากนี้ จากนั้นจะนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อรับทราบและคาดว่าจะใช้ได้ภายในปี 2563
“แผนดังกล่าวจะทำให้สอดรับการการพัฒนาโรงไฟฟ้าชุมชน แต่ไม่ใช่รูปแบบการพัฒนาโรงไฟฟ้า เนื่องจากจะเป็นการนำวัตถุดิบในพื้นที่มาเปลี่ยนเป็นเชื้อเพลิงอื่น ๆ อย่างเช่นแก๊สได้ และเป็นโมเดลแบบใช้ไฟฟ้าได้เฉพาะตอนกลางวัน(ออฟกริด) โดยคาดว่าจะใช้กลไกของกองทุนอนุรักษ์พลังงาน มาสนับสนุน และจากการที่มาดูต้นแบบของชุมชนผาปัง ที่นำวัตถุดิบอย่างถ่านจากไผ่มาพัฒนาให้เป็นเชื้อเพลิงทั้งการผลิตไฟฟ้าร่วมกับแสงอาทิตย์แล้ว ก็ยังสามารถนำมาผลิตแก๊สหุงต้มที่ใช้ในครัวเรือนได้ด้วย ซึ่งต่อไปก็ต้องนำโมเดลดังกล่าวไปดูกับพื้นที่อื่น ๆ อย่างเช่นพื้นที่รอบโรงไฟฟ้าของ กฟผ. หรือชุมชนห่างไกลที่อยู่ในความดูแลของ กฟภ. ว่าจะสามารถนำต้นแบบดังกล่าวไปดำเนินการได้อย่างไร”นายสนธิรัตน์ กล่าวและว่า สำหรับกิจกรรมของชุมชนผาปังที่ประสบความสำเร็จเป็นการใช้ไผ่ซางหม่นเป็นวัสดุหลัก โดยนำมาผลิตเป็นฐานเพลิงทดแทนน้ำมันสูบน้ำเพื่อการเกษตรซึ่งมีผลประหยัดเชื้อเพลิงกว่า 80% หรือนำถ่านไทยใช้เป็นเชื้อเพลิงผลิตกระแสไฟฟ้าชุมชนด้วยระบบ Gasification ซึ่งเป็นเทคนิคที่ทำให้เกิดการเผาไหม้แบบไม่สมบูรณ์จนได้ก๊าซที่มีชื่อ Snythesis Gas ที่มีคุณสมบัติติดไฟได้ และสามารถใช้แทนก๊าซหุงต้ม(แอบพีจี) ได้ สามารถลดรายจ่ายด้านพลังงานและสร้างรายได้จากการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ มีรายได้จากวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร
