โบรกคาดพร้อมเพย์ฉุดกำไรกลุ่มธนาคารลด1-2%

นางอุษณีย์ ลิ่วรัตน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ ฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด เปิดเผยว่า จากกรณีที่สมาคมธนาคารไทยเปิดตัวระบบชำระเงิน PromptPay ซึ่งเป็นเฟสแรกของระบบชำระเงินเนชั่นแนลอีเพย์เมนต์ ช่วงแรกจะเปิดให้การโอนเงินระหว่างบุคคลซึ่งการโอนเงินต่ำกว่า 5,000 บาทต่อรายการฟรีค่าธรรมเนียม และเพิ่มขึ้นเป็นขั้นบันไดไปจนถึงอัตราสูงสุดไม่เกิน 10 บาทต่อรายการนั้น หากคิดเฉพาะผลกระทบจากค่าธรรมเนียมการโอนเงินระหว่างบุคคลที่ลดลง กรณีเลวร้ายจะกระทบกำไรกลุ่มธนาคารปี 2559 ให้ลดลงประมาณ 1-2% จากเดิมที่ประเมินว่าปี 2559 ธนาคารพาณิชย์จะทำกำไรได้ 189,380 ล้านบาท ส่วนปี 2560 จะกระทบเต็มปีทำให้กำไรกลุ่มธนาคารลดลงประมาณ 10-12% ของกำไรสุทธิ จากเดิมที่คาดว่าทั้งกลุ่มจะมีกำไรประมาณ 216,876 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม การประมาณการดังกล่าวไม่รวมผลบวกจากปริมาณธุรกรรมที่เพิ่มขึ้นจากค่าธรรมเนียมที่ลดลง หรือต้นทุนที่ลดลง โดยเฉพาะค่าใช้จ่ายพนักงานและสาขาต่างๆ ที่จะประหยัดได้เพิ่มขึ้น เนื่องจากต้องใช้เวลากว่าจะเห็นผล สวนทางกับผลกระทบที่จะเกิดขึ้นทันที จึงแนะนำให้ลงทุนน้อยกว่าตลาด หรือออกจากหุ้นธนาคารขนาดใหญ่ไปหุ้นธนาคารขนาดเล็ก เพราะธนาคารขนาดเล็กแทบไม่ได้รับผลกระทบ

นางวีณา นายดุลย์ นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) วิเคราะห์ว่า คาดว่าการคิดค่าธรรมเนียมการโอนใหม่จะกระทบกับธนาคารขนาดใหญ่มากกว่าธนาคารขนาดกลาง โดยเฉพาะธนาคารกรุงไทยเพราะมีค่าธรรมเนียมที่หลากหลายน้อยกว่าธนาคารอื่น และธนาคารกรุงเทพ สำหรับธนาคารทหารไทยนั้นได้ยกเลิกค่าธรรมเนียมการโอนหลายอย่างไปแล้ว ขณะที่ค่าธรรมเนียมของธนาคารกรุงศรีอยุธยาส่วนใหญ่มาจากบัตรเครดิต ส่วนธนาคารที่ทำธุรกิจเช่าซื้อน่าจะได้รับผลกระทบไม่มากนัก เพราะไม่ใช่ธนาคารที่เน้นการทำธุรกรรมการเงิน

อย่างไรก็ตาม ในระยะยาวน่าจะกระทบไม่มากนัก เพราะโครงสร้างค่าธรรมเนียมใหม่นี้จะให้มีรายการอิเล็กทรอนิกส์มากขึ้น ดึงดูดผู้ใช้บริการใหม่ ซึ่งปริมาณผู้ใช้ที่เพิ่มขึ้นจะช่วยชดเชยอัตราค่าธรรมเนียมที่ลดลงได้ ขณะที่ต้นทุนอิเล็กทรอนิกส์น่าจะลดลงเรื่อยๆ นอกจากนี้ ต้นทุนการบริหารเงินสดและต้นทุนสาขาและเอทีเอ็มลดลง และธนาคารน่าจะหาช่องทางผลิตภัณฑ์ใหม่มาเพิ่มค่าธรรมเนียมได้

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image