นางเดือนเด่น นิคมบริรักษ์ ผู้อำนวยการวิจัย ด้านการบริหารจัดการระบบเศรษฐกิจ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) กล่าวในงานประชุมสัมมนาร่างยุทธศาสตร์ชาติการค้า และร่างยุทธศาสตร์การรวมกลุ่มภาคีธุรกิจ จัดโดยสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์ และ ทีดีอาร์ไอ ว่า การก้าวเป็นชาติแห่งการค้า สิ่งสำคัญที่รัฐบาลต้องทำก่อนการนำยุทธศาสตร์ไปปฏิบัติ คือ เร่งรัดออกกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการค้า ที่ปัจจุบันแยกย่อย กว่า 100 ฉบับ ควรออกกฎหมายเป็นกลุ่มและน่าจะใช้เวลาร่างกฎหมาย 3-4 เดือน ตามผลการศึกษาของสากลกฎหมายต้องเอื้อและอำนวยความสะดวกทางการค้า
ทั้งนี้ การจัดทำยุทธศาสตร์ชาติการค้า มีเป้าหมายพัฒนาให้ไทยเป็นชาติการค้า มีฐานการผลิตสินค้าที่มีคุณภาพ เป็นที่ต้องการของตลาดโลก จำเป็นต้องมีระบบและช่องทางกระจายสินค้าหรือบริการสู่ตลาดโลกอย่างมีประสิทธิภาพ คาดว่าร่างยุทธศาสตร์ฯทำเป็นแผนปฏิบัติระยะ 5 ปี ซึ่งภาครัฐและเอกชนต้องร่วมกันทำ เพื่อทำให้การส่งออกของไทยไม่หดตัว ขยายตัวเป็นบวกได้ หลังจากหลายปีส่งออกหดตัว โดยจะมีการจัดสัมมนาอีกครั้งต้นเดือนกันยายนนี้ ก่อนสรุปให้กระทรวงพาณิชย์นำไปกำหนดแผนปฎิบัติ
นายนพพร เทพสิทธา ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การไปสู่ชาติการค้า เป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้ เพราะต้องพัฒนาตัวเองให้แข่งขันกับชาติอื่นด้วย สิ่งสำคัญต้องทำไปด้วยกันทั้งการผลิตและบริการ และต้องมีการอำนวยความสะดวกการค้าด้วย ส่วนภาคบริการที่ไทยให้ความสำคัญ ขณะนี้รัฐควรจะรวบรวมข้อมูล เพราะตอนนี้ยังไม่มีความชัดเจน รวมถึงพัฒนาการค้าภายในประเทศให้เข้มแข็ง และเอาการท่องเที่ยวเชื่อมการค้าสินค้าและบริการ
นายวัลลภ วิตนากร รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า อีกเรื่องสำคัญต้องเป็นศูนย์กลางทางการเงิน อย่างสิงคโปร์ การไปลงทุนต่างประเทศไทย ควรให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) อำนวยความสะดวก และให้เอกชนสะท้อนความต้องการให้ธนาคารพาณิชย์บริการอย่างไรบ้าง เช่น การลงทุนในประเทศเพื่อนบ้าน ต้องเร่งรัดใช้เงินสกุลเดียวกัน
