‘สมคิด’ยาหอมนักธุรกิจจีนหอบเงินลงทุนไทยระบุอีก5ปีเมืองไทยพลิกโฉม

ผูัสื่อข่าวรายงานบรรยากาศการชักจูงการลงทุน(โรดโชว์) อุตสาหกรรมเป้าหมาย ณ กรุงปักกิ่ง และนครเซี่ยงไฮ้ สาธารณรัฐประชาชนจีน ระหว่างวันที่ 26-30 มิถุนายน ของนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี คณะรัฐบาลและเอกชนไทย ว่า วันที่ 29 มิถุนายน สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(บีโอไอ) จัดสัมมนาเชิญชวนนักลงทุนจีนเข้าไปลงทุนในประเทศไทย ที่โรงแรม Pudong Shangri-La East Shanghai นครเซี่ยงไฮ้ มีนักลงทุนจีนเข้าร่วมงาน 500 ราย โดยนายสมคิดขึ้นกล่าวปาฐกถาพิเศษหัวข้อ “ประเทศไทยกับการก้าวสู่การเติบโตที่ยั่งยืน” ใจความว่า ประเทศไทยกำลังอยู่ในช่วงการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญโดยกำหนดอุตสาหกรรมเป้าหมายคือกลุ่มอุตสาหกรรมเดิมที่ต้องยกระดับให้มีความเข้มแข็งมีการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมและกลุ่มอุตสาหกรรมแห่งอนาคต อาทิ ไบโอเทค ดิจิตอล การบิน หุ่นยนต์อุตสาหกรรม ยาและเครื่องมือแพทย์ ซึ่งรัฐบาลได้ส่งเสริมการสร้างสตาร์ท อัพ ในกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายเหล่านี้ จึงหวังว่าภาครัฐและเอกชนของจีนจะให้ความร่วมมือในครั้งนี้ โดยช่วง 4 เดือนแรกของปี(มกราคม-เมษายน 2559) จีนถือเป็นนักลงทุนอันดับ3 โดยลงทุนในกลุ่มโลหะและเครื่องจักรมากที่สุด นอกจากนี้ยังลงทุนอุตสาหกรร อิเล็กทรอนิกส์ การเกษตร แร่และเซรามิก เคมีภัณฑ์และกระดาษ

“อีก5ปีข้างหน้าประเทศไทยจะพลิกโฉมด้วยการลงทุนในโครงการต่างๆ อาทิ รถไฟฟ้า รถไฟรางคู่ ท่าเรือ วงเงินลงทุนกว่า 4.3 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ และลงทุนด้านด้านไอทีและดิจิทัลของประเทศทั้งภาครัฐและเอกชนมูลค่ารวม1.2-1.5 หมื่นล้านเหรียญฯ มีจุดมุ่งหมายให้ไทยเป็นดิจิทัล ฮับของอาเซียน หวังว่าเอกชนจากในและต่างประเทศจะเข้ามาร่วมลงทุน และในระหว่างนี้รัฐบาลไทยก็ได้ขจัดอุปสรรคในการดำเนินธุรกิจเพื่อให้ไทยเป็นประเทศที่เอื้อต่อการลงทุนมากที่สุด”นายสมคิดกล่าว

ต่อมานายสมคิดให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่า การโรดโชว์ครั้งนี้ประสบความสำเร็จเพราะแทบทุกบริษัทเตรียมลงทุนในไทยปีนี้ อาทิ บริษัท หยางโจว เหินชุน อิเล็กทรอนิกส์ ผู้ผลิตวาล์วอิเล็กทรอนิกส์สำหรับอุตสาหกรรมขนส่งทางท่อ ที่มีส่วนแบ่งการตลาดมากเป็นอันดับ 3 ของโลก และอันดับ 1 ของจีน แสดงความต้องการลงทุนในไทย หรือบางรายที่ลงทุนอยู่แล้วก็แจ้งว่าจะขยายการลงทุนอย่าง บริษัท เอสเอไอซี ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ของจีน และปัจจุบันร่วมทุนกับซีพีผลิตรถยนต์ในไทย ยี่ห้อเอ็มจี แจ้งว่ามีแผนจะลงทุนเพิ่มเพื่อผลิตกระบะ รถยนต์สมาร์ทคาร์ ตั้งเป้าผลิตถึง 1 แสนคันต่อปี และมั่นใจว่ายอดขอรับการส่งเสริมการลงทุนปีนี้จะอยู่ระดับ 4-5 แสนล้านบาท ดังนั้นคนไทยไม่ควรทะเลาะกันด้วยเรื่องเล็กๆน้อยๆ ส่วนอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยจะเติบโตในช่วง5 ปีจากนี้หรือไม่ก็อยู่ที่การปรับโครงสร้างเศรษฐกิจครั้งนี้

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image