ภาคธุรกิจ แนะยกเครื่องทีมศก. เฟ้นคนทำงานเชิงรุก ฟื้นฐานราก ช่วยเด็กจบใหม่ หลัง 3 รมต.หลุดตำแหน่ง
คำพิพากษาศาลให้จำคุก 8 อดีตแกนนำ กปปส.จากคดีการชุมนุมและบุกรุกสถานที่ราชการ ทำให้นายณัฎฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ นายพุทธิพงษ์ ปุณกัณต์ รมว.ดิติทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายถาวร เสนเนียม รมช.คมนาคม ต้องพ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรีทันที ไม่เพียงส่งผลสะเทือนไปถึงการเมืองเกิดไฟต์บังคับต้องปรับคณะรัฐมนตรี(ครม.) แต่ในภาคธุรกิจก็กำลังจับตาต่อการปรับเปลี่ยนครั้งนี้
โดยเมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ นายธนิต โสรัตน์ รองประธานสภาองค์การนายจ้างผู้ประกอบการค้าและอุตสาหกรรมไทย (อีคอนไทย) มองว่า การที่ 3 รัฐมนตรีหลุดจากตำแหน่งถือเป็นจังหวะดี ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะปรับตำแหน่งที่นั่งของแต่ละกระทรวง และต้องติดตามใกล้ชิดว่า จะมีแรงกระเพื่อมในพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่ หากมีความชุลมุนในการปรับตำแหน่ง จะส่งผลต่อเสถียรภาพของรัฐบาล และส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทางอ้อมได้
นายธนิต กล่าวว่า สิ่งที่ภาคเอกชนอยากเห็นที่สุด คือการเปลี่ยนทีมเศรษฐกิจใหม่ อยากให้นายกฯ ดึงคนที่มีความรู้จริงเรื่องเศรษฐกิจเข้ามาบริหารงาน ตอนนี้ถือเป็นจุดด้อยของรัฐบาลที่เห็นชัดสุด คือ ทีมเศรษฐกิจ แต่ไม่ใช่ว่าทีมเศรษฐกิจในปัจจุบันไม่เก่ง เพียงแต่บางคนจะเก่งด้านการบริหารรัฐวิสาหกิจเป็นส่วนใหญ่ ในสถานการณ์เช่นนี้ ควรดึงคนมีความรู้เรื่องการฟื้นเศรษฐกิจฐานราก เข้ามาอยู่ในทีมด้วย เพราะคนรับผลกระทบส่วนใหญ่เป็นประชาชนคนทั่วไป แต่มาตรการที่รัฐออกมายังเน้นช่วยผู้ประกอบการและคนระดับกลาง
นายธนิต กล่าวว่า อีกสิ่งที่อยากเห็นในการปรับ ครม. ครั้งนี้ คือ กระทรวงพาณิชย์ มองว่าปัจจุบันทำงานเชิงรับมากเกินไป อยากให้ทำงานเชิงรุกมากกว่านี้ เพราะมีกรมที่มีความสำคัญต่อภาคการค้าและส่งออก อยากให้เร่งพัฒนาการค้าชายแดน และปัญหาตู้คอนเทนเนอร์ขาดแคลน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับคู่ค้าของไทย
ส่วนอีกกระทรวงที่อยากเห็นความเปลี่ยนแปลง คือ กระทรวงแรงงาน อยากให้ทำงานเชิงรุกกว่าที่เป็นอยู่เช่นกัน ในปัจจุบันปัญหาแรงงานไม่ได้หมดไป ยิ่งยุคนี้อัตราการว่างงานยิ่งเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มเด็กจบใหม่ในเดือนเมษายนนี้ มากกว่าครึ่งยังไม่มีงานรองรับ อยากเห็นกระทรวงแรงงานออกมาตรการรองรับหรือผลักดันให้ปัญหาหมดไป