นางดวงพร รอดพยาธิ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยผลการเปิดประมูลข้าวสารในสต็อกของรัฐปริมาณรวม 1 ล้านตัน ในวันที่ 29 และ30 สิงหาคมที่ผ่านมา แบ่งเป็นการจำหน่ายข้าวเป็นการทั่วไป ครั้งที่ 5/2559 ปริมาณ 753,571 ตัน และการจำหน่ายข้าวเป็นการทั่วไปและเพื่อเข้าสู่อุตสาหกรรม ครั้งที่ 2/2559 ปริมาณ 255,796 ตัน ว่า การจำหน่ายข้าวเป็นการทั่วไป มีผู้ยื่นซองเสนอราคาซื้อ 13 ราย จากผู้ผ่านคุณสมบัติ 20 ราย โดยมีผู้เสนอราคาซื้อสูงสุด 8 ราย ใน 28 คลัง ปริมาณ 753,571 ตัน คิดเป็น 100% ของปริมาณที่นำออกมาเปิดประมูลเป็นการทั่วไป มูลค่าที่เสนอซื้อ 7,403 ล้านบาท ส่วนการจำหน่ายข้าวสารในสต็อกของรัฐเป็นการทั่วไปและเพื่อเข้าสู่อุตสาหกรรม มีผู้ยื่นซองเสนอราคาซื้อ 10 ราย จากผู้ผ่านคุณสมบัติ 13 ราย โดยมีผู้เสนอราคาซื้อสูงสุด 7 ราย ใน 18 คลัง ปริมาณ 169,149 ตัน คิดเป็น 66.12% ของปริมาณที่นำออกมาเปิดประมูลเป็นการทั่วไปและเพื่อเข้าสู่อุตสาหกรรม มูลค่า 1,024 ล้านบาท
นางดวงพร กล่าวว่า หลังจากนี้กรมฯ ในฐานะประธานคณะทำงานดำเนินการระบายข้าวในสต็อกของรัฐจะนำผลการยื่นซองเสนอราคาซื้อข้าวสูงสุดในแต่ละคลัง เข้าสู่การพิจารณาของคณะทำงานฯ ก่อนนำเสนอประธานกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) พิจารณาอนุมัติ และแจ้งยืนยันผลการจำหน่ายให้ผู้ชนะการประมูลทราบตามขั้นตอนต่อไป คาดว่าจะรู้ผลได้ในช่วงต้นเดือนกันยายนนี้
“ส่วนจะเปิดประมูลข้าวครั้งต่อไปในเดือนกันยายนหรือไม่ จะต้องพิจารณาอีกครั้ง โดยดูสถานการณ์ตลาดข้าว ดูประเภทข้าวว่าชนิดไหนเหมาะสมที่จะเปิดประมูลในช่วงเวลานั้น อย่างไรก็ตามขณะนี้ข้าวในสต็อกรัฐเหลืออยู่ 9,100,000 ตัน ซึ่งยังไม่ได้หักข้าวที่จะประมูลได้ในรอบนี้”นางดวงพรกล่าว
นางดวงพร กล่าวว่า ส่วนค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น มีผลต่อการส่งออกข้าวของไทย โดยทุกๆ 1 บาทที่แข็งค่าขึ้นมา จะทำให้มูลค่าการขายข้าวที่ส่งออกหายไป 10 เหรียญสหรัฐฯต่อตัน มองว่าหากค่าเงินบาทอ่อนลงอีกนิด จะเป็นผลดีต่อการส่งออกข้าวไทย