น.ส.อรอุมา กุลนาค ประธานกรรมการบริหาร บริษัท บีเอ็มพี (ไทยแลนด์) จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจเชื่อมการค้าไทย-จีน เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้วางกลยุทธ์เร่งสนับสนุนธุรกิจเอสเอ็มอีในประเทศไทยให้สามารถขยายฐานตลาดไปสู่ประเทศจีนได้ง่าย และมีประสิทธิภาพมากขึ้น ล่าสุดเปิดตัวโครงการ “50 Chinese Net-idol Amazing Live in Thailand 2016” สร้างปรากฏการณ์ใหม่ทางการขายสินค้า โดยดึงเน็ตไอดอลระดับท็อปที่มีผู้ติดตามจำนวนมากจากจีนมาสร้างสีสันและทำกิจกรรมพิเศษผ่านการถ่ายทอดสดบนแอพพลิเคชั่น “เถาเป่า ไลฟ์” (Taobao) เว็บคอมเมิร์ซอันดับ 1 ใน 3 ของประเทศจีน เช่น “จอนห์นี่” อาชีพนายแบบมีผู้ติดตาม 2,000,000 คน , “ซือหยาง” บล็อกเกอร์มีผู้ติดตาม 700,000 คน, “หลินซูฮั่น” (Lin Chu Han ), ช่างภาพมีผู้ติดตาม 500,000 คน และ “จื่อหวาง” นักแสดง มีผู้ติดตาม 960,000 คน เป็นต้น โดยเพียงแค่ช่วงโปรโมทมีคนจีนสนใจติดตามกว่า 10 ล้านราย
น.ส.อรอุมา กล่าวว่า สำหรับช่องทางการทำตลาดแต่งตั้ง 3 บริษัทเป็นตัวแทนขาย ได้แก่บริษัท จีเอ็ม มัลติมีเดียกรุ๊ป จำกัด, อาเซียน พาโนราม่า,และบริษัท เฮอร์ค คอมมิวนิเคชั่น จำกัด เบื้องต้น จัดทำแพคเกจสำหรับเอสเอ็มอีที่จะนำสินค้าไปขายในประเทศจีน แพ็คเกจละ 79,000 บาท โดยแพคเกจดังกล่าว รวมถึงการให้เน็ตไอดอลช่วยโปรโมทสินค้า หลังจากจบโครงการ ยังดูแลการทำตลาดให้ต่อเนื่องอีก 5 ปี คาดว่าจะมีผู้สนใจกว่า 200 แบรนด์ โดยบริษัทมีเป้าหมายช่วยนำสินค้าของผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทยไปขยายตลาดที่ประเทศจีนโดยกลุ่มสินค้าที่ตลาดจีนต้องการมีทั้งทั้งอาหาร ของใช้ เครื่องสำอางค์ กลุ่มสินค้าสปา สินค้าแฟชั่นที่มีเอกลักษณ์ไทย เป็นต้น
“คาดว่าภายใน 1 ปีจากนี้จะช่วยผลักดันรายได้รวมของบริษัทเพิ่มไปถึง 500 ล้านบาท และจากปัจจุบันที่บริษัทมีฐานลูกค้าเอสเอ็มอีรวม 100 ราย ตั้งเป้าไว้ว่าจะเพิ่มไปถึง 4,000 ราย ภายใน 1 ปีโดยบริษัทยังได้รับการสนับสนุนจากธนาคารกรุงเทพที่เข้ามาเสริมทัพพันธมิตรทางด้านการเงินให้กับเอสเอ็มอี ได้แก่ ด้านสินเชื่อเพื่อการลงทุน ช่องทางการรับเงินจากการค้าขายในจีน เป็นต้น”น.ส.อุมากล่าว
น.ส.อรอุมากล่าวว่า ที่ผ่านมาผู้ประกอบการไทยโดยเฉพาะเอสเอ็มอีพบปัญหาและอุปสรรคด้านการเจรจาทางการค้ากับประเทศจีนหลายอย่าง เช่น ไม่รู้จะขายสินค้าให้ใคร ไม่มีระบบการกระจายสินค้า สินค้าถูกกดราคา ดังนั้นบริษัทยังได้สร้างเฟซบุ๊ค เพจ ปล้นคนจีน ด้วย ซีคอมเมิร์ซ โดยมีทีมให้คำปรึกษา วางแผน ดูแลทุกกระบวนการตั้งแต่นำสินค้าทดสอบ วางกลยุทธ์ หาตลาด ขนส่งสินค้า และการเก็บเงิน เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถจับคู่ธุรกิจในประเทศจีนได้สำเร็จ
น.ส.อรอุมา กล่าวด้วยว่า การสำรวจพบว่าธุรกิจอีคอมเมิร์ซในจีนมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ปี 2559 มีการคาดการณ์ว่าจำนวนผู้ซื้อสินค้าผ่านทางออนไลน์จะทำสถิติเพิ่มสูงถึง 423.4 ล้านคน หรือคิดเป็นจำนวนเงินกว่า 457,600 ล้านดอลลาร์ ประกอบกับปัจจุบัน ผู้บริโภคจีนส่วนใหญ่นิยมซื้อสินค้าผ่านทางเว็บไซต์ค้าปลีกออนไลน์สัญชาติจีนที่มีชื่อเสียง ได้แก่ Tmall.comซึ่งแยกตัวมาจาก Taobao.comที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับ 1 จำนวน 39.9% ตามมาด้วย 360Buy.com 14.7% Suning.com 2.4% Amazon.cn 2.2% รวมไปถึง Dangdang.com 1.6% และ Vancl.com 1.5% โดยรวมเว็บไซต์ค้าปลีกชื่อดังเหล่านี้สามารถครองส่วนแบ่งตลาดอีคอมเมิร์ซจีนสัดส่วนมากกว่า 65%