นายภากร ปีตธวัชชัย รองผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า สำหรับมูลค่ารวมของตลาดทรัพย์แห่งประเทศไทย และตลาดเอ็มเอไอ ในเดือนมกราคม 2559 อยู่ที่ 12.73 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.7% เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2558 ขณะที่มูลค่าซื้อขายเฉลี่ยต่อวันของทั้ง 2 ตลาดอยู่ที่ 44,355 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.5% เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2558 ขณะที่นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทย 219 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 7,966 ล้านบาทต่อเนื่องจากปีก่อน แต่ถือว่าการขายสุทธิชะลอตัวลงเมื่อเทียบกับไต้หวัน อินเดีย และเกาหลี โดยประเมินว่านักลงทุนต่างชาติเริ่มตอบรับข่าวร้ายและเทขายสินทรัพย์เสี่ยงเพื่อไปลงทุนในสินทรัพย์ปลอดภัยค่อนข้างมากในช่วงก่อนหน้านี้ ทำให้คาดว่าปัจจุบันนักลงทุนต่างชาติถือครองหุ้นไทยสัดส่วนประมาณ 30.7-31% ใกล้เคียงกับปลายปีก่อน
นายภากร กล่าวว่า สำหรับการคาดการณ์ภาวะการลงทุนในปีนี้ ยังคงต้องจับตาภาวะเศรษฐกิจโลกที่ค่อนข้างมีความผันผวน ไม่แน่นอน อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยที่มีสัดส่วนมาจากการส่งออกมากถึง 70 % ของผลิตภัณฑ์มวลรวมประเทศให้ได้รับผลกระทบได้ ส่งผลให้ภาคเอกชนไทยยังอาจชะลอการบริโภคและการลงทุนต่อเนื่องอีกปี แต่ยังคงเศรษฐกิจไทยยังโชคดีที่มีภาคการท่องเที่ยวเข้ามาช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจแทนได้ นอกจากนี้เศรษฐกิจไทยยังมีปัจจัยบวกมาจากภาคการเงินที่ยังเข้มแข็ง หนี้สาธารณะที่ยังอยู่ในระดับต่ำ นโยบายดอกเบี้ยที่สามารถปรับลดได้อีก และในส่วนของบริษัทจดทะเบียนเอง ก็ค่อนข้างมีความแข็งแกร่งในระดับสูง จากหนี้สินต่อทุนเฉลี่ย (ดีอี) ยังต่ำอยู่ รวมทั้งเศรษฐกิจของประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะกลุ่มประเทศซีแอลเอ็มวี ยังสามารถขยายตัวได้อย่างต่อเนื่องจึงเป็นถือโอกาสสำคัญของนักลงทุนไทยและการขยายตัวต่อเศรษฐกิจไทย รวมทั้งนโยบาย และมาตรการการลงทุนต่างๆจากภาครัฐที่ออกมาจำนวนมาก น่าจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจและตลาดทุนไทยให้ปรับตัวสูงขึ้นได้
“ข้อแนะนำสำหรับนักลงทุนในปีนี้ ซึ่งถือเป็นปีที่การลงทุนมีความผันผวนสูง อาจเลือกเข้าลงทุนกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน และกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ เนื่องจากมีความผันผวนต่ำและให้ผลตอบแทนอย่างสม่ำเสมอ ส่วนการลงทุนในตลาดหุ้นควรลงทุนแบบถัวเฉลี่ยต้นทุน หรือทยอยซื้อในทุกๆเดือน แทนที่จะซื้อรวดเดีนส เพื่อกระจายความเสี่ยงในการลงทุน”นายภากร