กมธ.แย้ม กม.กัญชาให้ชาวบ้านปลูก 10 ต้น ถ้าลงทุนเกิน 20 ไร่ ต้องจ่ายผลตอบแทนให้รัฐ
คณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง แย้มเกณฑ์การกำหนดพื้นที่ปลูกกัญชา โดยชาวบ้านทั่วไปปลูกได้ไม่เกิน 10 ต้นต่อครัวเรือน และแบ่งการปลูกเชิงเศรษฐกิจเป็น 3 กลุ่ม คือขนาดเล็ก ไม่เกิน 5 ไร่ ขนาดกลาง 5-20 ไร่ และขนาดใหญ่ 20 ไร่ขึ้นไป
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน ที่รัฐสภา นายปานเทพ พัวพงศ์พันธ์ ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง แถลงผลประชุมของ กมธ.ว่า กมธ.เสียงข้างมากได้วางหลักการและกรอบการปลูกในครัวเรือนว่าให้ปลูกได้ไม่เกิน 10 ต้นต่อครัวเรือน เพื่อส่งเสริมให้คนตัวน้อยได้ประโยชน์สูงสุดจากกัญชา และเพื่อลดความเหลื่อมล้ำของสังคม ให้เสียค่าใช้จ่ายน้อยสุด
นายปานเทพกล่าวว่า นอกจากนี้ กมธ.กำหนดการปลูกทางเศรษฐกิจเป็น 3 กลุ่ม คือ 1.ขนาดเล็ก ปลูกไม่เกิน 5 ไร่ โดยจะลดค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายให้น้อยที่สุด หรือไม่ควรมีเลย 2.ขนาดกลาง ประมาณ 5-20 ไร่ มีขั้นตอนการขออนุญาตเพิ่มขึ้นมาพอประมาณ และ 3.ขนาดใหญ่ มากกว่า 20 ไร่ขึ้นไป ถือเป็นกลุ่มผู้ลงทุนที่หวังผลทางธุรกิจ จึงต้องมีผลตอบแทนให้รัฐมากขึ้น
นายปานเทพกล่าวว่า ส่วนการใช้ประโยชน์กัญชาทางการแพทย์ กมธ.เห็นพ้องว่าการปลูกกัญชาของทั้งแพทย์แผนปัจจุบัน แพทย์แผนไทย และผู้ประกอบวิชาชีพทางการแพทย์อื่นๆ จะได้รับการคุ้มครองในฐานะเพียงจดแจ้งเท่านั้น และจะเหมือนกับผู้ประกอบการขนาดเล็ก ยืนยันว่า กมธ.จะพิจารณากฎหมายฉบับนี้ เพื่อเป็นประโยชน์ต่อประชาชนทุกคน และเป็นไปเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจประเทศให้มากที่สุด
นายอนุสรณ์ ธรรมใจ อดีตกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ สภาวิจัยแห่งชาติ สาขาเศรษฐศาสตร์ กล่าวว่า มีการคาดการณ์ว่าภายในปี ค.ศ.2025 ตลาดกัญชาเพื่อการแพทย์ทั่วโลกอาจมีมูลค่าสูงถึง 1.9-2.1 ล้านล้านบาท การทำให้กัญชาเป็นสิ่งที่ถูกกฎหมาย เป็นสิ่งที่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องควรช่วยกำหนดแนวทางที่เหมาะสมว่าอะไรคือประโยชน์สูงสุดต่อสังคม คุณภาพชีวิตของผู้คน และเศรษฐกิจ กรณีรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา อนุญาตเสพกัญชาเพื่อสันทนาการ มีเงินสะพัดในอุตสาหกรรมกัญชาในสหรัฐถึง 5,100 ล้านเหรียญสหรัฐ ในปี ค.ศ.2018 และอุตสาหกรรมนี้อาจเติบโตถึง 3 เท่า ในช่วง 10 ปีข้างหน้า อุตสาหกรรมกัญชาถูกกฎหมายสร้างรายได้กว่า 40,000 ล้านเหรียญสหรัฐ และสร้างงานกว่า 400,000 ตำแหน่งในสหรัฐ รัฐบาลสามารถเก็บภาษีได้ 4,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ภายใน 3 ปีที่ผ่านมา
นายอนุสรณ์กล่าวว่า แต่การใช้กัญชาเพื่อสันทนาการก็ส่งผลกระทบต่อสังคมตามมาได้ รัฐบาลต้องมีมาตรการเพื่อควบคุมใช้กัญชาทางการแพทย์และสุขภาพเท่านั้น หากต้องการเปิดให้มีการเสพหรือบริโภค ต้องมีมาตรการ 7 ข้อ คือ 1.เก็บภาษีสรรพสามิตในอัตราสูง นำเงินไปใช้ในการส่งเสริมสุขภาพและให้ความรู้ประชาชน 2.ต้องกำหนดอายุขั้นต่ำของผู้ซื้อหรือเสพกัญชา 25 ปีขึ้นไป
3.ห้ามโฆษณาใดๆ ในผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับสารสกัดจากกัญชาที่มีผลเสียต่อสุขภาพ 4.กำหนดให้มีคำเตือนถึงภัยและผลกระทบ เผยแพร่ข้อมูลประโยชน์และโทษของกัญชา 5.บังคับให้ผู้ประกอบการหรือผู้ขายต้องเปิดเผยส่วนผสมของกัญชาในอาหาร หรือเครื่องดื่มอย่างชัดเจน 6.กำหนดพื้นที่และเวลาสำหรับเป็นเขตปลอดกัญชา และ 7.จำกัดการนำเข้าและส่งออกกัญชาและผลิตภัณฑ์กัญชา ยกเว้นการใช้เพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ และการผลิตยารักษาโรคเท่านั้น