วันนี้ (31 ตุลาคม) นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังเป็นประธานในพิธีการเปิดใช้งานและพิธีลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือเพื่อเชื่อมต่อระบบบัตรอีซี่ พาส (Easy Pass) และบัตรเอ็ม-พาส (M-Pass) ภายใต้ระบบเก็บค่าผ่านทางอัตโนมัติ (Electronic Toll Collection System: ETCS) ร่วมกันระหว่างการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) และกรมทางหลวง (ทล.) ว่า การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ได้ติดตั้งระบบเก็บค่าผ่านทางอัตโนมัติ หรือระบบอีทีซี (ETC) บนทางพิเศษ (ทางด่วน) โดยใช้ชื่อเรียกบริการดังกล่าวว่า อีซี่ พาส โดยเริ่มเปิดให้บริการเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2553 ปัจจุบันได้เปิดให้บริการบนทางพิเศษทั้งหมด รวม 7 เส้นทาง ได้แก่ ทางพิเศษเฉลิมมหานคร (ทางด่วนขั้นที่ 1) ทางพิเศษฉลองรัช (ทางด่วนสายรามอินทรา-อาจณรงค์) ทางพิเศษศรีรัช (ทางด่วนขั้นที่ 2) ทางพิเศษกาญจนาภิเษก (ทางด่วนสายบางพลี-สุขสวัสดิ์) ทางพิเศษบูรพาวิถี (ทางด่วนสายบางนา-ชลบุรี) ทางพิเศษอุดรรัถยา (ทางด่วนสายบางปะอิน-ปากเกร็ด) และทางพิเศษสายศรีรัช-วงแหวนรอบนอกฯ
ต่อมากรมทางหลวง (ทล.) ได้ติดตั้งระบบอีทีซี บนทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) บนทางหลวงหมายเลข 9 (บางปะอิน-บางนา) ในปี 2556 และบนทางหลวงหมายเลข 7 (กรุงเทพฯ-ชลบุรี) ในปี 2557 โดยใช้ชื่อเรียกบริการดังกล่าวว่า เอ็ม-พาส ซึ่งเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2558 ดังนั้น เพื่อเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดเก็บค่าผ่านทางและเกิดความสะดวกต่อประชาชนผู้ใช้บริการทางพิเศษ และทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง จึงได้มีการพัฒนาเชื่อมต่อระบบอีทีซี ระหว่าง กทพ.และ ทล. เพื่อให้ผู้ใช้บัตรอีซี่ พาส และบัตรเอ็ม-พาส สามารถใช้บริการร่วมกันได้ โดยผู้ใช้บัตรอีซี่ พาส จะสามารถใช้บริการมอเตอร์เวย์ได้ และผู้ใช้บัตรเอ็ม-พาส ก็สามารถใช้บริการทางด่วนได้เช่นเดียวกัน โดยจะเริ่มเปิดใช้งานอย่างเป็นทางการภายหลังเวลาเที่ยงคืน (24.00 น.) ของวันที่ 31 ตุลาคมนี้เป็นต้นไป
นายอาคมกล่าวว่า การเปิดใช้งานระบบบัตรอีซี่พาส และบัตรเอ็ม-พาส ภายใต้ระบบเก็บค่าผ่านทางอัตโนมัติร่วมกันในครั้งนี้ นับเป็นครั้งแรกที่ประชาชนผู้ใช้ทางพิเศษ และทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สามารถใช้บัตรเพียงใบเดียวและวิ่งผ่านช่องเก็บเงินบนระบบอีซี่ พาส และเอ็ม-พาส ได้ ซึ่งจะนำมาสู่ความสะดวกสบายในการเดินทางและบริการที่ดีต่อประชาชนผู้ถือบัตรผ่านทางดังกล่าว
