กกร.คงจีดีพีปีนี้ที่3.3-3.5%-ชี้ประชาชนชะลอจับจ่ายแค่ช่วงสั้นๆ

นายเจน นำชัยศิริ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยภายหลังจากการประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ว่า กกร.ยังคงอัตราการขยายตัวเศรษฐกิจไทย (จีดีพี) ที่ระดับ 3.3-3.5% เนื่องจากเห็นว่า การส่งออกในช่วงที่เหลืออยู่ของปีนี้ มีแนวโน้มที่จะขยายตัวได้ดีขึ้น จากปัจจัยราคาพืชผลทางการเกษตรที่มีระดับราคาสูงขึ้น อาทิ ยางพารา รวมทั้งแนวโน้มราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ดีขึ้น จึงทำให้คาดว่า หาก 3 เดือนที่เหลือของปีนี้ ติดลบไม่เกิน 2% ตัวเลขส่งออกทั้งปีจะน่าจะขยายตัวดีขึ้นเป็น ติดลบ 1%-0% จากเดิมที่คาดไว้ว่าจะติดลบ 2%-0%

นายเจน กล่าวว่า สำหรับภาวะความโศกเศร้าของคนไทย จากกรณีที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุยเดชฯ เสด็จสวรรคต กกร.ประเมินว่า สถานการณ์ดังกล่าวน่าจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยในระยะเท่านั้น ประมาณ 30 วัน หลังจากนี้สถานการณ์การจับจ่ายใช้สอยของคนไทยน่าจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ส่วนประเด็นราคาข้าวหอมมะลิตกต่ำนั้น เชื่อว่า มาตรการของรัฐบาลที่ออกมาช่วยเหลือชาวนา อาทิ มาตรการจำนำยุ้งฉางเพื่อชะลอการการขายข้าว น่าจะช่วยบรรเทาผลกระทบให้แก่เกษตรกรได้ และมาตรการที่ภาครัฐทำอยู่ก็ถือว่าดีแล้ว รวมทั้งการส่งเสริมการขายข้าวผ่านช่องทางออนไลน์ก็ถือเป็นสิ่งที่ดี ซึ่งผลกระทบจากราคาข้าวหอมมะลิที่ตกต่ำไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อของประชาชน และผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยในภาพรวมมากนัก เนื่องจากขณะนี้ราคาสินค้าทางการเกษตรส่วนใหญ่ ทยอยปรับตัวดีขึ้น โดยเฉพาะราคายางพาราที่ปรับตัวสูงขึ้นมากจากช่วงที่ผ่านมา

นายอิสระ ว่องกุศลกิจ ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ส่วนเศรษฐกิจภูมิภาคมีการปรับตัวดีขึ้น ผ่านการเร่งรัดการลงทุนภาครัฐและการท่องเที่ยวที่ขยายตัวดีขึ้น ส่วนการจับจ่ายใช้สอยของประชาชนโดยรวมมีการขยายตัวขึ้นเล็กน้อย ขณะที่การลงทุนภาคเอกชนยังไม่มีการขยายตัวอย่างชัดเจน โดยภาคตะวันออกที่ได้รับปัจจัยบวกจากการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ภาคกลาง และกรุงเทพฯมีการขยายตัวดีขึ้นจากการท่องเที่ยว ส่วนภาคเหนือ ภาพรวมเศรษฐกิจส่วนใหญ่ยังทรงตัว และตะวันออกเฉียงเหนือ (อีสาน) ยังอยู่ในภาวะชะลอตัวจากผลกระทบของการท่องเที่ยวที่ลดลง และราคาข้าวที่ตกต่ำ ทำให้เศรษฐกิจโดยรวมในภาคอีสานไม่ฟื้นตัว

นายอิสระ กล่าวว่า ในกรณีที่สปป.ลาว ประกาศมาตรการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตรา 10% สำหรับสินค้านำเข้าส่วนบุคคลผ่านแดนที่มีมูลค่าตั้งแต่ 50 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 1,742 บาท ซึ่งเป็นการสร้างภาระเพิ่มขึ้นกับประชาชนสปป.ลาว ที่เดินทางเข้ามาซื้อสินค้าในไทย ส่งผลกระทบต่อปริมาณการซื้อสินค้าในไทย และปริมาณนักท่องเที่ยวระหว่างไทย และสปป.ลาว ซึ่งภาคเอกชนในต่างจังหวัดมีความกังวล ที่ประชุมกกร.จึงได้มีการพิจารณาที่นำประเด็นไปหารือในการประชุมระดับรัฐมนตรีอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง (จีเอ็มเอส) ซึ่งจะมีการจัดขึ้นในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2559 ณ จ.เชียงราย และกกร.จะใช้กลไกของคณะกรรมการสานพลังประชารัฐ เพื่อหาแนวทางและผลกระทบที่จะขึ้นในอนาคต

Advertisement

“สำหรับแนวทางการแก้ไขปัญหาราคาข้าวตกต่ำนั้น มาตรการจำนำยุ้งฉางเพื่อชะลอการขายข้าวที่รัฐบาลออกมานั้น รวมทั้งให้เงินช่วยเหลือชาวนา ถือว่ามาถูกทางแล้ว ซึ่งจะช่วยยกระดับราคาข้าวให้สูงขึ้นได้ อย่างไรก็ตามแนวทางการพัฒนาราคาข้าวที่ควรจะทำเพิ่มเติม คือ การยกระดับคุณภาพของข้าว ลดต้นทุน และเพิ่มผลผลิตให้สูงขึ้น รวมทั้งการส่งเสริมการปลูกพืชอื่นทดแทนการปลูกข้าวในพื้นที่ที่ไม่เหมาะสม โดยเฉพาะการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ถั่วเหลือง ถั่วลิสง ซึ่งในประเทศยังมีความต้องการอีกมาก” นายอิสระ กล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image