นายพิสิฐ รังสฤษฎ์วุฒิกุล เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานอุตสาหกรรม (สมอ.) กล่าว ระหว่างการเป็นประธานเปิดงานมหกรรมแสดงสินค้ามาตรฐานไทยและจีน ส่งออกครั้งที่ 6 ว่า จีนเป็นคู่ค้าสำคัญที่อยู่ในลำดับ 1 ใน 3 ของไทย โดยในปี 2558 ที่ผ่านมาพบว่าการส่งออกสินค้าไปจีนมีมูลค่า 7.3 แสนล้านบาท หรือคิดเป็น 11% ของการส่งออก ในขณะที่การนำเข้าสินค้าจากจีนมีมูลค่าประมาณ 1.3 ล้านบาท หรือคิดเป็น 20% ของการนำเข้า และในส่วนการลงทุนพบว่าจีนมาลงทุนในไทยประมาณ 53 รายการ มีมูลค่าการลงทุน 12.5 หมื่นล้านบาท จากความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างไทย-จีน กระทรวงอุตสาหกรรมจะร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งสมาคมการค้าและการลงทุนอาเซียน-สากล สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) และสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (ทีเส็บ) ร่วมจัดงานมหกรรมแสดงสินค้าฯ เพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ให้มีความเข้มแข็งและสามารถแข่งขันได้ในตลาดโลก
นางสาลินี วังตาล ผู้อำนวยการ สสว.เปิดเผยว่า การจัดงานมหกรรมแสดงสินค้าฯ จัดขึ้นระหว่างวันที่ 4-6 พฤศจิกายน 2559 ณ อาคาร 5 ศูนย์แสดงสินค้าอิมแพค เอ็กซิบิชั่น เมืองทองธานี บนพื้นที่ 6,750 ตารางเมตร โดยภายในงานจะจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคจากผู้ประกอบการไทยและจีนรวม 300 ราย มีสินค้าทั้งหมดประมาณ 1,000 รายการ อาทิ เสื้อผ้า เครื่องแต่งกาย อาหารแปรรูป ทั้งนี้ ภายในงานจะมีการจับคู่และเจรจาธุรกิจด้วย คาดว่าจะมีเงินสะพัด และเกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจหลังจากนี้ประมาณ 3 พันล้านบาท
“สำหรับการทำการค้าในตลาดจีนมองว่า ผู้ประกอบการไทยจะต้องพัฒนาเรื่องการเพิ่มมูลค่าสินค้าให้มากขึ้น เนื่องจากสินค้าจีนมีนวัตกรรมสูง อาทิ ร่มไม้เซลฟี่ ที่สามารถใช้งานได้ทั้งกางเป็นร่มและใช้เป็นไม้เซลฟี่ รวมถึงจะต้องเพิ่มช่องทางการค้าให้เป็นออนไลน์มากขึ้นด้วย จึงจะสามารถแข่งขันกับจีนได้ ” นางสาลินีกล่าว
