นางวราภรณ์ ใช้เทียมวงศ์ ผู้จัดการฝ่ายสื่อสารองค์กร บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด หรือ ปณท เปิดเผยว่าจากการที่ธุรกิจ อี-คอมเมิร์ซ ได้รับความนิยมมากขึ้น ทำให้ผู้ประกอบการหลายคนเริ่มขยับขยายธุรกิจของตัวเองจากหน้าร้านเข้าสู่ระบบออนไลน์ เจ้าของธุรกิจรุ่นใหม่จำนวนมากมีหน้าร้านเฉพาะออนไลน์เท่านั้น เพราะลูกค้ามีความนิยมในการเลือกซื้อสินค้าออนไลน์ในทุกประเภทสินค้า อาทิ เสื้อผ้าแฟชั่น อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ฯลฯ เพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้กลุ่มธุรกิจขนส่งของไปรษณีย์ไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริการไปรษณีย์ด่วนพิเศษ(อีเอ็มเอส) มีอัตราการเติบโตที่สูงขึ้นเช่นกัน ดังนั้นเพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจอี-คอมเมิร์ซ ไปรษณีย์ไทย จึงเปิดบริการดี-แพคเกจ หรือบริการรับ-ส่งสินค้าสำหรับผู้ประกอบการอี-คอมเมิร์ซที่มีความประสงค์ให้ไปรษณีย์ไทย ส่งสินค้าและเรียกเก็บเงินโดยตรงจากที่อยู่ผู้รับ หรือส่งสินค้าให้ลูกค้าเพียงอย่างเดียว
นางวราภรณ์ กล่าวว่า การใช้บริการดังกล่าวผู้ประกอบการสามารถเตรียมการฝากส่ง ที่สำนักงานหรือที่อยู่ของตนเองผ่านระบบไปรษณีย์ไทย ซึ่งระบบจะเชื่อมโยงข้อมูลรายการสินค้าให้ผู้ประกอบการเตรียมการฝากส่งสินค้าล่วงหน้าได้ และเชื่อมั่นว่าบริการดังกล่าวนอกจากจะเป็นการอำนวยความสะดวกให้ผู้ประกอบการไม่ต้องเดินทางไปส่งของ ที่ทำการไปรษณีย์ด้วยตนเองแล้ว ยังเป็นปัจจัยหนึ่งที่จะช่วยเพิ่มยอดขายให้แก่ผู้ประกอบการอีกด้วย เพราะบริการดังกล่าวส่งผลต่อตัดสินใจซื้อที่ง่ายขึ้น เนื่องจากมีการสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้ซื้อสินค้าออนไลน์ที่สามารถชำระเงินเมื่อเจ้าหน้าที่นำของไปส่งถึงมือแล้ว อีกทั้งยังเป็นการลดขั้นตอนและเพิ่มความสะดวกรวดเร็วสำหรับผู้ประกอบการอีกด้วย
“บริการดี-แพคเกจ สามารถส่งสินค้าได้ไม่เกิน 20 กิโลกรัมต่อกล่อง คิดอัตราค่าบริการตามน้ำหนักและปริมาณงานตามที่ผู้ประกอบการทำข้อตกลงกับไปรษณีย์ไทย บวกกับอัตราค่าบริการเก็บเงิน ของที่อยู่ผู้รับ 40 บาทต่อชิ้น ผู้ประกอบการสามารถเลือกชำระค่าบริการได้ตามความสะดวก ทั้งชำระเป็นเงินสดหรือเช็คเงินสด หรือการชำระเป็นเงินเชื่อ (รายเดือน) ตามระยะเวลาที่ตกลงกันไว้”นางวราภรณ์กล่าวและว่าสำหรับมาตรฐานการนำส่งของบริการดีแพคเกจนั้น หากปลายทางกรุงเทพฯ-ปริมณฑลจะใช้เวลาภายใน 1-3 วันทำการ นับถัดจากวันที่ฝากส่ง และปลายทางภูมิภาคอื่นๆ ภายใน 3-5 วันทำการ