เมื่อพี่สาวธนาธร – อีคอนไทย ต่างไม่ติด มองน่าสนใจ ถ้า เศรษฐา จะชิงนายกรัฐมนตรีคนต่อไป
กรณีมีรายงานว่า การเลือกตั้งทั่วไปที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในปี 2566 พรรคเพื่อไทย (พท.) มีแนวทางเสนอชื่อบุคคลเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี 2 คน คนแรกคาดว่าจะเป็น นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานอำนวยการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ส่วนอีกหนึ่งชื่อ ได้แก่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วร่วมและนวัตกรรมพรรคเพื่อไทย หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย
“มติชน” สัมภาษณ์มุมภาคธุรกิจต่อรายชื่อดังกล่าว พบมุมมองที่สนใจ
อีคอนไทยชี้ พท.ให้น้ำหนักเศรษฐกิจมากกว่าการเมือง
นายธนิต โสรัตน์ รองประธานสภาองค์การนายจ้างผู้ประกอบการค้าและอุตสาหกรรมไทย (อีคอนไทย) กล่าวว่า จากการที่พรรคการเมือง ได้เปิดตัวแคนดิเดต นายกรัฐมนตรี โดย กระแสข่าวจากพรรคเพื่อไทย มีชื่อ นายเศรษฐา ทวีสิน เป็นหนึ่งในแคดิเดนนายกรัฐมนตรี ว่า การหาแคนดิเดตนายกนั้น แต่ละพรรคการเมืองก็ต้องสรรหาคนที่ จะเป็นพรีเซ็นเตอร์ของพรรค
“การเปิดตัว แคนดิเดตนายก ก็เหมือนพรีเซ็นเตอร์ ซึ่งเหมือนดารา หรือหน้าตาของพรรคที่จะต้องชูโรง ดังนั้นก็ต้อเลือกคนที่ เหมาะสม นายเศรษฐา ก็เป็นนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ของประเทศ แสดงให้เห็นว่าพรรคเพื่อไทย มีแนวคิดเอาเศรษฐกิจนำหน้า ขณะที่พรรคภูมิใจไทย เลือกนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ก็แสดงว่าเลือกการเมืองมาก่อน ส่วนพลังประชารัฐ ถ้าเลือก พล.อ.ประยุทธ์” นายธนิต กล่าว
นายธนิต ระบุอีกว่า รายชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของแต่ละพรรค สะท้อนว่าพรรคนั้นๆ กำลังเลือกดูแลปัญหาด้านใด ในขณะที่ ประชาชนก็ต้องมอง ว่าแต่ละพรรคการเมือง โดยเฉพาะพรคใหญ่ ว่าวางกลยุทธ์การบริหารอย่างไร ซึ่งก็สะท้อนภาพผ่านรายชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีคนนั้น ถ้าตัวแคนดิเดตยังเป็นคนการเมือง ก็แปลว่าพรรคนั้นเลือกการเมือง และให้เรื่องเศรษฐกิจเป็นรอง ส่วนบางพรรคที่เลือกคนวงการอื่น หนึ่งเลือกนักธุรกิจขึ้นมาเป็นแคนดิเดต ก็แปลว่า จะให้น้ำหนักกับเรื่องเศรษฐกิจมากกว่า
อ่าน
- ‘เพื่อไทย’ ดัน ‘เศรษฐา’ ชิงนายกฯลำดับ 1 ‘อิ๊ง’ เบอร์ 2 ‘พี่สาวธนาธร’ หนุนกล้าพูด กล้าทำ
- 09.00 INDEX สร้างแนว เพื่อไทย ก้าวไกล มั่น ประจันกับ ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ไทยวนเวียนกับดักเดิม ขอปชช.มีทางเลือก
รองประธานอีคอนไทย กล่าวต่อว่า อย่างไรตาม ต้องยอมรับว่าปี 2566 มีการพูดถึงว่า เศรษฐกิจโลกจะถดถอย และคาดกันว่าจะแย่และหลักกว่า ปี 2565 จากการประชุมกับหลายๆภาคส่วน หลายบริษัท ก็ส่งสัญญาณลดการนำเข้า การค้าขายทำได้ลดลง เพราะเศรษฐกิจกำลังอ่อนแอ ดังนั้น ปีหน้าเศรษฐกิจจะเป็นประเด็นที่ใหญ่มาก จึงคิดว่าพรรคการเมืองที่จะลงเล่นเลือกตั้งรอบนี้ ควรที่จะชูเรื่องเศรษฐกิจมากกว่าการเมือง
“เพราะการเมืองไทย นั้นวนเวียนอยู่ในกับดักเดิมมานานแล้ว ตั้งแต่ยุคชุมนุมทางการเมือง เสื้อเหลือง เสื้อแดง และไทยก็ได้รับผลกระทบจากทางการเมืองมานานแล้ว จนประเทศเพื่อนบ้านอย่างเวียดนาม ก็จะนำไทยไปหลายเรื่องแล้ว ดังนั้น แคนดิเดตนายกจะสะท้อนตัวตนของแต่ละพรรค ประชาชนก็จะได้มีทางเลือกใหม่ๆ ไม่วนเวียนกับกับดักเดิมผู้นำไม่ควรเป็น ฝ่ายการเมืองเดิมๆ เพราะอ้าปากก็จะมีแต่เรื่องการเมือง ”นายธนิต กล่าว
หวังผู้นำคนใหม่ชูศก.-ประสานได้รอบทิศ
รองประธานอีคอนไทย ให้ความเห็นต่อรูปแบบผู้นำคนใหม่ ว่า สำหรับผู้นำในรูปแบบไหน ถึงจะเหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน คือ ผู้นำ หรือนายกรัฐมนตรี ที่เลือกเศรษฐกิจนำหน้าการเมือง และเป็นคนที่ประสานได้รอบทิศ เพราะทั้งปัญหาทางการเมืองและเศรษฐกิจ ต่างมีความซับซ้อน ดังนั้นต้องรู้จักประสาน และรู้จักการใช้คนให้เป็นงาน ส่วนหน้าที่ประชาชน ก็มีสิทธิแค่เลือกตั้งแล้วก็จบหน้าที่แล้ว ซึ่งในการเลือกตั้งใหม่ครั้งนี้ เป็นจังหวะที่ดี โดยโอกาสที่จะเลือกครั้งนี้ ให้มองและเรียนรู้จากครั้งที่ผ่านๆมา และเลือกคนที่มองเรื่องปากท้องเป็นหัวใจสำคัญ
“แนวโน้มผลเลือกตั้งจะเป็นอย่างไร นั้นเดายาก เพราะ การเมืองเป็นระบบที่มีหลายมิติซ้อนกัน ไม่ว่าจะเป็น เรื่องระบบอุปถัมภ์และสืบทอดอำนาจต่อกัน หรือเรื่องการซื้อขายเสียง หรือแม้แต่แนวคิดเรื่องความกตัญญู และการตอบแทน รวมถึงการที่ประชาชนเข้าไม่ถึงตัวตนของผู้นำ ทำให้เลือกจากบุคลิกภาพภายนอก ทำให้การเมืองไทยแตกต่างจากประเทศอื่นๆที่ ประชาชนเลือกจากตัวตนของผู้นำคนนั้น จึงเดาไม่ได้ว่าการเลือกตั้งจะไปอย่างไร”นายธนิตทิ้งท้าย
พี่สาวธนาธรมอง’เศรษฐา’น่าสนใจ
น.ส.ชนาพรรณ จึงรุ่งเรืองกิจ รองประธานกรรมการอาวุโส กลุ่มบริษัท ไทยซัมมิท ผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ หรือ พี่สาวนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า กล่าวถึงกรณีพรรคเพื่อไทยมีเสนอชื่อนายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรีว่า ในฐานะนักธุรกิจถือว่าเป็นนักธุรกิจที่เก่ง กล้าพูดในสิ่งที่นักธุรกิจในหลายๆคนอาจจะไม่กล้า ถือว่าเป็นบุคคลที่น่าสนใจดี กล้าพูด กล้าทำ กล้าคิด อย่างไรก็ตามส่วนตัวมองว่า การเมืองไม่เป็นปัจจัยเสี่ยงต่อภาวะเศรษฐกิจ เพราะดูแล้วคงไม่แย่ไปมากกว่านี้แล้ว ถ้ามีการเลือกตั้งจริงๆ นับว่าเป็นสิ่งที่ดี
