เจ้าสัว-นักธุรกิจ เปิดสเปก ‘นายกรัฐมนตรี’ คนต่อไป เก่ง ดี ซื่อสัตย์ ‘เสี่ยนิด-เสี่ยหนู’ ติดโผสูสี
จากกระแสพรรคเพื่อไทยแง้มชื่อบุคคลเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี โดยในบัญชีมีชื่อ “เสี่ยนิด-เศรษฐา ทวีสิน” นักธุรกิจหมื่นล้านวัย 59 ปี บอสใหญ่บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ยักษ์อสังหาริมทรัพย์แถวหน้าของเมืองไทย ติดโผตีคู่มากับ “อุ๊งอิ๊ง” น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรมพรรคเพื่อไทย หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย
“มติชน” สำรวจความคิดเห็นของนักธุรกิจถึงสเปกตำแหน่ง “นายกรัฐมนตรี” ในดวงใจ
เริ่มจากนายบุญชัย โชควัฒนา ประธานกรรมการ และประธานกรรมการบริหาร บริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ตนไม่รู้จักคุณเศรษฐาเป็นการส่วนตัว จึงไม่ขอออกความเห็นในแง่ของทางการเมือง เพราะไม่รู้ว่าที่มาที่ไปเป็นอย่างไร แต่ในแง่ของธุรกิจแล้ว ดูจากบริหารธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ถือว่าคุณเศรษฐาทำได้ดีที่ทำให้บริษัทมียอดขายสูงและมีกำไร
“ผมมองว่าผู้ที่จะมาเป็นนายกรัฐมนตรี ต้องเก่ง ดี ซื่อสัตย์ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่สุด เป็นคนดีอย่างเดียว แต่ไม่เก่งก็ไม่เหมาะ รวมถึงต้องเป็นผู้มีวุฒิภาวะของการเป็นผู้นำประเทศด้วย ถ้าเก่งและดีทุกอย่าง แต่นำใครไม่ได้ ก็ไม่เป็นประโยชน์ เพราะการเมืองจะเป็นปัญหาของประเทศ หากต่างคนยังต่างแย่งชิงการเป็นรัฐบาล โดยไม่สนใจประโยชน์ส่วนรวม หรือประโยชน์ของประเทศ มองแต่ประโยชน์ส่วนตัวอย่างเดียว” นายบุญชัยกล่าว
นายบุญชัยกล่าวว่า สำหรับการแก้ปัญหาเศรษฐกิจนั้น เนื่องจากวิกฤตเศรษฐกิจที่ไม่ดีในขณะนี้ มันเกิดขึ้นทั่วโลก ไม่ใช่เฉพาะประเทศไทย ไม่ว่าใครจะเข้ามาบริหารประเทศในภาวะนี้ก็ช่วยแก้วิกฤตไม่ได้ แต่จะช่วยทำให้ผ่อนหนักให้เป็นเบาได้เล็กน้อยเท่านั้นมากกว่า
ด้านนายศานิต อรรถญาณสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) ผู้พัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ มองว่าคุณเศรษฐามีความเหมาะสม ด้วยวัย บุคลิกที่เป็นคนแอ๊กทีฟ กล้าคิด กล้าตัดสินใจ และมีประสบการณ์ในการบริหารธุรกิจระดับหมื่นล้านบาท ทำให้บริษัทแสนสิริมียอดขายสูงติดท็อปทรีของวงการต่อเนื่องมาหลายปี แต่ในแง่ของนโยบายการขับเคลื่อนเศรษฐกิจภาพใหญ่ของประเทศ คงต้องให้ทางพรรคช่วยสนับสนุน
“ด้วยความสดใหม่ของคุณเศรษฐา จะได้รับความสนใจจากประชาชนเหมือนกรณีคุณชัชชาติได้รับชัยชนะเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.”
“ศานิต” ยังวิเคราะห์ว่า เสี่ยนิด-เศรษฐา จะเป็นคู่แข่งที่สูสีกับ เสี่ยหนู-อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ที่ออกแนวสไตล์บู๊ด้วยกันทั้งคู่ ไม่ว่าความเชื่อมั่นในตัวเอง กล้าตัดสินใจ ขณะที่วัยก็ไล่เลี่ยกัน ด้านความรู้ก็ผ่านการบริหารงานโครงการขนาดใหญ่มาเหมือนกัน
“ทั้งคู่ผมว่ามีคุณสมบัติสมน้ำสมเนื้อกัน ที่จะชิงความเป็นผู้นำประเทศในการเลือกตั้งใหญ่ในปีหน้า แต่คิดว่าภาคเอกชนจะให้การตอบรับคุณเศรษฐามากกว่า เพราะมีความสดมากกว่า แต่ต้องมีทีมเศรษฐกิจที่เข้มแข็งเข้ามาช่วยเติมเต็ม” ศานิตย้ำ
ขณะที่ น.ส.ชนาพรรณ จึงรุ่งเรืองกิจ รองประธานกรรมการอาวุโส กลุ่มบริษัท ไทยซัมมิทฯ ผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ หรือพี่สาว นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า มองว่า ในฐานะนักธุรกิจถือว่าคุณเศรษฐาเป็นนักธุรกิจที่เก่ง กล้าพูดในสิ่งที่นักธุรกิจในหลายๆ คนอาจจะไม่กล้า ถือว่าเป็นบุคคลที่น่าสนใจดี กล้าพูด กล้าทำ กล้าคิด อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวมองว่า การเมืองไม่เป็นปัจจัยเสี่ยงต่อภาวะเศรษฐกิจ เพราะดูแล้วคงไม่แย่ไปมากกว่านี้แล้ว ถ้ามีการเลือกตั้งจริงๆ นับว่าเป็นสิ่งที่ดี