‘สุรพงษ์’ คาดคลอดกม.รางฯ ปลายปี’67 ลดปัญหาเรียกเก็บค่าแรกเข้าซ้ำซ้อน

‘สุรพงษ์’ คาดคลอด พ.ร.บ.รางฯ ปลายปี’67 ลดปัญหาเรียกเก็บค่าแรกเข้าซ้ำซ้อน

เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังมอบนโยบายกรมการขนส่งทางราง (ขร.) ว่า ความคืบหน้าของร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การขนส่งทางราง พ.ศ. … นั้น เบื้องต้นคาดว่าจะเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ประมาณปลายปี 2566

ที่ผ่านมาร่าง พ.ร.บ.การขนส่งทางรางฯได้มีการเสนอร่างวาระที่ 1 ไปแล้ว แต่ถูกตีกลับ เนื่องจากร่าง พ.ร.บ.มีระยะเวลาในการพิจารณาประมาณ 90 วัน ซึ่งตรงกับช่วงหมดสมัยรัฐบาลชุดก่อน จึงเสนอไม่ทัน โดยขั้นตอนหลังจากนี้จะต้องเสนอร่าง พ.ร.บ.กลับเข้าสภาผู้แทนราษฎร ในวาระที่ 1 อีกครั้ง เมื่อผ่านวาระที่ 1 จากนั้นจะต้องมีการตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญเพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ก่อนเข้าสู่วาระที่ 2-3 แล้วจึงนำขึ้นทูลเกล้าฯ คาดว่าร่าง พ.ร.บ.จะมีผลบังคับใช้ภายในสิ้นปี 2567

ADVERTISMENT

“ได้มอบหมายให้ทุกหน่วยงานปรับปรุงเรื่องข้อกฎหมายให้มีความทันสมัย และสอดคล้องกับปัจจุบัน อาทิ ต้องหาวิธีการแก้ไขปัญหาในกรณีการออกใบขับขี่แบบไร้คนขับ เป็นต้น” นายสุรพงษ์กล่าว

ด้านนายพิเชฐ คุณาธรรมรักษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางราง กล่าวว่า สำหรับประโยชน์หลังจากร่าง พ.ร.บ.มีผลบังคับใช้แล้ว ประชาชนจะได้รับความปลอดภัยมากขึ้น ดังนี้ 1.การออกกฎหมายเพื่อเอาผิดผู้ขับขี่รถไฟ หรือรถไฟฟ้าที่ประมาท อาทิ ผู้ขับขี่มีการมึนเมา และมีความผิดพลาดในการตรวจสอบรถที่ไม่ได้มาตรฐาน

ADVERTISMENT

2.การคุ้มครองและเยียวยาผู้โดยสารที่มีความล่าช้า หรือขัดข้องจากการให้บริการ ซึ่งเรื่องนี้จะต้องเสนอต่อคณะกรรมการนโยบายการขนส่งทางราง โดยมีนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธาน โดยโอเปอร์เรเตอร์ทุกรายต้องดำเนินงานตามเงื่อนไขที่กำหนด และ 3.การกำหนดค่าโดยสาร ในราคาต่ำสุดและสูงสุด

“ยืนยันว่าเมื่อร่าง พ.ร.บ. มีผลบังคับใช้แล้ว จะไม่มีการเก็บค่าแรกเข้ารถไฟฟ้าซ้ำซ้อน ไม่ว่าจะเป็นของหน่วยงานใด หรือโอเปอร์เรเตอร์รายใดก็ตาม โดยการใช้บริการที่เสียค่าแรกเข้าครั้งเดียวต้องใช้บัตร EMV บัตรเครดิต หรือบัตรเดบิต เท่านั้น ส่วนผู้ที่ใช้บัตรโดยสารหรือเหรียญโดยสารยังเสียค่าแรกเข้าตามปกติ ส่วนในเรื่องของการกำหนดอัตราค่าโดยสาร จะมีการกำหนดอัตราค่าโดยสาร โดยใช้สูตรคำนวณจากค่าแรงบวกอัตราเงินเฟ้อ ซึ่งจะมีการคำนวณที่ชัดเจนมากขึ้น โดยเบื้องต้นจะมีการพิจารณาทุกๆ 24 เดือน” นายพิเชฐกล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image