‘เศรษฐา’ เซ็นคำสั่งคุมบอร์ดอีวีเอง รื้อใหญ่ ตั้งบีโอไอเลขาฯ ดึง ‘กุลิศ-ศุภนิจ-อาทิตย์’ ร่วม

‘เศรษฐา’ เซ็นคำสั่งคุมบอร์ดอีวีเอง รื้อใหญ่ ตั้งบีโอไอเลขาฯ ดึง ‘กุลิศ-ศุภนิจ-อาทิตย์’ ร่วม

รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาลแจ้งว่า เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้ลงนามคำสั่งนายกรัฐมนตรีที่ 286/2566 เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ โดยนายเศรษฐานั่งเป็นประธานบอร์ดเอง จากเดิมบอร์ดอีวียุค พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มอบให้รองนายกรัฐมนตรีเป็นประธานแทน แสดงให้เห็นว่านายเศรษฐา ให้ความสำคัญอย่างมาก เพราะเมื่อเทียบกับบอร์ดบีโอไอ บอร์ดอีอีซี ที่สำคัญเช่นกัน นายเศรษฐากลับมอบให้รองนายกรัฐมนตรีนั่งประธานแทน

นอกจากนี้ นายเศรษฐา ยังปรับบอร์ดครั้งใหญ่ ด้วยการตั้งเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เป็นกรรมการและเลขานุการ จากเดิมเป็นแค่กรรมการ พร้อมกับลดบทบาทผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน และผู้อำนวยการเศรษฐกิจอุตสาหกรรม จากกรรมการและเลขานุการ เป็นกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ

ขณะที่กรรมการตามตำแหน่งยังคงเดิม ประกอบด้วย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ปลัดกระทรวงการคลัง ปลัดกระทรวงคมนาคม ปลัดกระทรวงพลังงาน ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และนายกสมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย

Advertisement

อย่างไรก็ตามที่น่าจับตาคือ นายเศรษฐา ได้ตั้ง นายกุลิศ สมบัติศิริ อดีตปลัดกระทรวงพลังงาน นายศุภนิจ จัยวัฒน์ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี นายอาทิตย์ นันทวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) ร่วมเป็นกรรมการด้วย

รายงานข่าวระบุว่า การลงนามคำสั่งตั้งบอร์ดอีวีครั้งนี้น่าจับตา เพราะมีการรื้อโครงการสร้างครั้งใหญ่ โดยเฉพาะการตั้งเลขาบีโอไอเป็นเลขานุการ ซึ่งบีโอไอเป็นหน่วยงานสังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทยคุม ขณะที่กระทรวงพลังงานและกระทรวงอุตสาหกรรม ปัจจุบันเป็นโควต้าของพรรครวมไทยสร้างชาติ

โดยที่ผ่านมาหลายฝ่ายคาดว่า นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน จะได้คุมบอร์ดอีวี

Advertisement

สำหรับการประชุมบอร์ดอีวีนัดแรก คาดว่าจะมีขึ้นในสัปดาห์หน้า โดยวาระสำคัญที่เร่งด่วนคือ การพิจารณาแพคเกจอีวี 3.5 ซึ่งจะเป็นต่ออายุแพคเกจอีวี 3.0 ที่จะสิ้นสุดปีนี้ ซึ่งรายละเอียดแพคเกจที่สำคัญคือ การให้ส่วนลดซื้อรถอีวีโดยมีเงื่อนไขว่าค่ายรถที่นำเข้าอีวีมาขายต้องตั้งโรงงานผลิตชดเชย โดยแพคเกจ 3.5 จะมีมาตรการสนับสนุนกาตั้งโรงงานแบตเตอรี่ด้วย จะทำให้การส่งเสริมอีวีของไทบครบวงจร

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image