เทรนด์บริโภคแอลกอฮอล์โต รับลดภาษีไวน์-สุรา ส่งเสริม ดื่มอย่างรับผิดชอบ

เทรนด์บริโภคแอลกอฮอล์โตรับลดภาษีไวน์-สุรา เอกชนอ้อนปรับกฎให้ครอบคลุม

นายดาวิเด เบซานา ผู้อำนวยการ APISWA เปิดเผยว่า เรามุ่งมั่นที่จะส่งเสริมให้ผู้คนตระหนักถึงการบริโภคสุราและไวน์อย่างมีความรับผิดชอบ เพื่อสนับสนุนการเติบโตของอุตสาหกรรมโดยภาพรวมให้มีโอกาสเติบโตอย่างยั่งยืน รวมถึงภาคการบริการและการท่องเที่ยวด้วย โดยไวน์และสุราจากต่างประเทศมีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนภาคธุรกิจการบริการและการค้าปลีกระดับพรีเมียม ซึ่งอุตสาหกรรมภาพรวมจำเป็นต้องมีสภาพแวดล้อมด้านกฎระเบียบที่สมดุลและครอบคลุม เนื่องจากการขายหรือจัดจำหน่ายไวน์และสุราต่างประเทศ มีส่วนช่วยทางเศรษฐกิจอย่างมากต่อประเทศไทย รวมถึงจีดีพีของไทยในปี 2565 มีมูลค่า 198 ล้านเหรียญสหรัฐ (6.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพิ่มขึ้น 24 ล้านเหรียญสหรัฐ (0.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) จากปี 2564 สามารถสนับสนุนการสร้างงาน 20,500 ตำแหน่งและสร้างรายได้จากภาษี 292 ล้านเหรียญสหรัฐ (10.0 พันล้านบาท) ในปี 2565

นายดาวิเดกล่าวว่า รายงานวิจัยล่าสุดจาก Oxford Economics เผยให้เห็น “เทรนด์พรีเมียม” หรือการยกระดับการบริโภคสินค้าและบริการ (Premiumization) กำลังกลายเป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อนการเติบโตและฟื้นฟูอุตสาหกรรมการบริการและค้าปลีกของประเทศไทย สอดคล้องกับเป้าหมายของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ในปี 2567 ที่มุ่งเน้นการดึงดูดนักท่องเที่ยวระดับไฮเอนด์ ตั้งเป้าสร้างรายได้ 3.5 ล้านล้านบาท ให้ความสำคัญกับการยกระดับมาตรฐานและส่งมอบประสบการณ์การท่องเที่ยวที่เหนือระดับ เน้นการนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่มีคุณภาพสูง ตอบโจทย์ความต้องการของนักท่องเที่ยวที่มองหาประสบการณ์การท่องเที่ยวเชิงไลฟ์สไตล์ รวมถึงอาหารและเครื่องดื่มที่พิเศษไม่เหมือนใคร

ADVERTISMENT

“ปัจจัยสนับสนุนการเติบโตของอุตสาหกรรมไวน์และสุรา ได้แก่ 1.การเติบโตของชนชั้นกลางในประเทศไทยที่มีเพิ่มขึ้น 2.การดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติคุณภาพสูงเข้ามาเที่ยวไทย ซึ่งในอนาคตเชื่อว่าอุตสาหกรรมมีโอกาสเติบโตได้อีก เพราะหลังโควิด-19 ระบาด ไวน์และสุราจากต่างประเทศเป็นส่วนประกอบสำคัญในการให้บริการระดับพรีเมี่ยม โดยที่การค้าปลีกและอาหารและเครื่องดื่ม พบว่าเป็นหนึ่งในปัจจัยที่สำคัญของนักท่องเที่ยวผู้มีฐานะจะพิจารณา เมื่อเลือกจองวันหยุด รองจากสุขภาพและความปลอดภัย” นายดาวิเดกล่าว

นางสาวเขมิกา รัตนกุล นายกสมาคมผู้ประกอบการเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไทย กล่าวว่า ไวน์และสุรานำเข้า ปี 2562 ก่อนโควิด รายได้จากภาคการท่องเที่ยวอยู่ประมาณ 3 ล้านล้านบาท สัดส่วน 25% เป็นการใช้จ่ายด้านอาหารและเครื่องดื่ม รวมถึงการท่องเที่ยวยามค่ำคืน และการท่องเที่ยวยามค่ำคืน มีมูลค่าประมาณ 52,000 ล้านบาท แต่ยังมีตัวเลขสุราและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เข้าไปอยู่ในอาหารและเครื่องดื่มด้วยอีก ทำให้การเติบโตของอุตสาหกรรมสุราและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อยู่ประมาณ 1-7% ทุกปี แม้มีบางช่วงที่เกิดการปรับโครงสร้างภาษีสุรา ทำให้ปริมาณการจำหน่ายลดลงเล็กน้อย แต่ภาพยังเติบโต โดยเฉพาะสุรากลั่นในประเทศ

ADVERTISMENT

นางสาวเขมิกากล่าวว่า เทรนด์การดื่มแอลกอฮอล์เติบโตขึ้นต่อเนื่อง สิ่งที่ต้องทำคือ การรณรงค์ให้เกิดการดื่มอย่างรับผิดชอบ และใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดในการดำเนินคดีกลุ่มผู้ที่ดื่มแล้วไร้ความรับผิดชอบ อาทิ เมาแล้วขับ หรือการไม่จำหน่ายให้เด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี โดยมีบางกฎเกณฑ์ที่รัฐบาลควรต้องกลับมาทบทวนใหม่อีกครั้ง โดยเฉพาะการห้ามจำหน่ายระหว่างเวลา 14.00-17.00 น. ซึ่งเป็นกฎที่มีมานานมากแล้ว รวมถึงกรมสรรพสามิต ที่จะลดภาษีไวน์-สุราชุมชน ซึ่งถือว่าจะเป็นการสนับสนุนอุตสาหกรรมและส่วนอื่นที่เกี่ยวข้องด้วย อาทิ ท่องเที่ยว ร้านอาหาร แต่หากจะมีกฎเกณฑ์ออกมาควบคุมเพิ่มเติม ก็อยากให้คำนึงถึงการใช้จริง อย่างการติดสลากที่มีข้อคำเตือนในการดื่มแอลกอฮอล์บนขวดเครื่องดื่ม ซึ่งถือเป็นการลดมูลค่าในสินค้าอย่างที่ควรจะมี และไม่มีประเทศใดทำกัน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image