09.00 INDEX บทเรียน ‘วินโพรเสส’ ระยอง ฝันร้ายเขตเศรษฐกิจพิเศษ
กรณีไฟไหม้โรงงานเก็บกาก “สารเคมี” วิน โพรเสส ที่บ้านหนองพะวา อ.บ้านค่าย จ.ระยอง เมื่อวันที่ 22 เมษายน ผ่านมากว่า 1 เดือนแล้ว แต่สภาพการณ์ทุกอย่างหยุดนิ่ง เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
บทสรุปว่า “หยุดนิ่ง” ไม่เพียงเมื่อเปรียบเทียบกับกรณีพบการเคลื่อนย้ายสาร “แคดเมียม” จากตากมายังสมุทรสาคร
เนื่องจากสถานการณ์กากสาร “แคดเมียม” ที่กระจายจากตาก สมุทรสาคร ชลบุรี และบางซื่อ กรุงเทพมหานคร ในวันนี้ได้มีการนำกลับไปยังตากเรียบร้อยแล้ว
ขณะที่สถานการณ์ไฟไหม้โรงงานเก็บกากสารเคมีของบริษัท วิน โพรเสส ไม่เพียงแต่ยังไม่แจ่มชัดในสาเหตุ หากแต่การบริหารจัดการยังไม่มีอะไรแปรเปลี่ยน
นั่นก็คือ กากสารเคมียังอยู่ที่โรงงานบ้านหนองพะวา อ.บ้านค่าย จ.ระยอง ท่ามกลางความอกสั่นขวัญแขวนของชาวบ้าน ใครที่ทนไม่ได้ก็ต้องหนีไปเอง
ทั้งๆ ที่นายกรัฐมนตรีได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมสถานการณ์ด้วยตนเองและสั่งการผ่านกระทรวงอุตสาหกรรมอย่างเฉียบเข้ม
แต่จน ณวันนี้ ก็ยังไม่มี”งบประมาณ”ในการคลี่คลายจัดการ
หากติดตามสถานการณ์อันเกิดขึ้นในเวลากว่า 1 เดือนนับแต่วันที่ 22 เมษายนก็ต้องยอมรับว่าข้อมูลและการเคลื่อนไหวได้มาจากการทำงานอย่างต่อเนื่องของ ส.ส.พรรคก้าวไกลในพื้นที่
นั่นก็คือ การทำงานอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยของ นายชุติพงษ์ พิภพภิญโญ สะท้อนให้เห็นความทุกข์ของชาวบ้าน
เหมือนไม่มีการเคลื่อนไหวของกรมโรงงาน กระทรวงอุตสาหกรรม เหมือนไม่มีการเคลื่อนไหวของผู้ว่าราชการจังหวัด ของนายกอบจ. ของนายอำเภอ ของนายกอบต.
ยิ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมจากพรรครวมไทยสร้างชาติ ยิ่งคณะกรรมาธิการการอุตสาหกรรมซึ่งมีคนจากพรรครวมไทยสร้างชาติเป็นประธานยิ่งหยุดนิ่งความคืบหน้านอกจากที่ นายชุติพงศ์ พิภพภิญโญ รายงานผ่านช่องทางแล้วคือการทำงานของตำรวจในการค้นหาสาเหตุ
ขณะที่การบริหารจัดการกับ “กากสารเคมี” ไม่มีอะไรคืบหน้า
บทเรียนจากวิน โพรเสส จึงไม่เพียงเป็นบทเรียนต่อเขตเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นไม่ว่าภาคตะวันออก ไม่ว่าภาคใต้ในอนาคต
หากแต่ยังเป็นสัญญาณเตือนในเรื่องของ “กากสารเคมี”
ทั้งๆ ที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออกเริ่มต้นตั้งแต่ยุค พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ และถือเป็นนโยบายเรือธงในยุค พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
แต่เมื่อเกิดสถานการณ์อย่างวิน โพรเสส ทุกองคาพยพแห่งการบริหารล้วนตกอยู่ในภาวะนะจังงังอย่างฉับพลัน