รมช.คลัง ยันไม่ออกระตุ้นอสังหาฯรอบใหม่ ยังโตต่อเนื่องตามรัฐลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน เขตเศรษฐกิจพิเศษช่วยตลาดบ้านภูธรคึกคัก

dav

ที่โรงแรมสวิสโซเทล เลอ คองคอร์ด นายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวระหว่างการเป็นประธานงานสัมมนาเรื่องอสังหาริมทรัพย์ ดัชนีหลักชี้เศรษฐกิจปี 2017 ว่า ภาคอสังหาริมทรัพย์เป็นภาคธุรกิจที่มีความสำคัญ เกี่ยวเนื่องกับกิจกรรมทางเศรษฐกิจทั้งในภาคการผลิต การบริการ การก่อสร้าง การจ้างงานรวมถึงภาคการเงิน มีสัดส่วนเป็นอันดับ 4 หรือประมาณ 8.3% ของตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) และหากรวมกับอุตสาหกรรมก่อสร้าง จะมีสัดส่วนรวมกันเป็นอันดับ 3 หรือคิดเป็น 11.1% ของจีดีพี สำหรับภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2559 อยู่ในช่วงชะลอตัว จากปัจจัยหลายอย่างไม่ว่าจะเป็นการปรับราคาที่ดินรอบใหม่ ทำให้ต้นทุนผู้ประกอบการสูงขึ้น แต่ก็มีปัจจัยบวกจากการปรับตัวของผู้ประกอบการ นวัตกรรมที่อยู่อาศัย การเข้าถึงแหล่งเงินทุน ส่วนทิศทางอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้มองว่ายังคงเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง แต่อาจจะไม่หวือหวานัก โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐในวงเงิน 1.79 ล้านล้านบาท และในปีนี้จะมีโครงการคมนาคมขนส่งประมาณ 36 โครงการ วงเงิน 8.9 แสนล้านบาท การเบิกจ่ายงบประมาณส่วนอื่นๆ ทั้งงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมที่จะลงไปสู่กลุ่มจังหวัดในวงเงิน 1.9 แสนล้านบาท กองทุนพัฒนาผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) และนโยบายการเงินที่ผ่อนปรนที่จะช่วยให้เกิดการฟื้นตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์ และการลงทุนของภาคเอกชนอื่นๆ

นายวิสุทธิกล่าวว่า ทิศทางหลังจากนี้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในเขตกรุงเทพและปริมณฑล เติบโตมากตามแนวรถไฟฟ้าซึ่งเกิดจากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ ทำให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในแนวรถไฟฟ้าจะเติบโตต่อเนื่อง มีการลงทุนในคอนโดมิเนียม ส่วนตลาดอสังหาริมทรัพย์แนวราบมองว่า จะเติบโตในโซนที่อยู่ในการก่อสร้างรถไฟฟ้ารอบนอก ส่วนในต่างจังหวัดในอนาคตคาดว่าจะมีการพัฒนาที่อยู่อาศัยเช่นกันตามนโยบายรัฐที่ต้องการให้มีการเชื่อมโยงโครงการรถไฟทางคู่ รถไฟความเร็วสูงไปทุกภูมิภาค

นายวิสุทธิกล่าวว่า ส่วนการพัฒนาที่อยู่อาศัยในเขตเศรษฐกิจพิเศษ เมื่อมีโครงการอสังหาริมทรัพย์ ค้าปลีกเกิดขึ้นก็จะเกิดเป็นชุมชนเมือง สำหรับความคืบหน้าในขณะนี้มีความคืบหน้าอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่กรมธนารักษ์เปิดประมูลสสรหาผู้ลงทุนพัฒนาพื้นที่ในเขตเศรษฐกิจพิเศษ โดยในจังหวัดตราดและสระแก้วได้มีการเซ็นสัญญาเรียบร้อยแล้ว

“มาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ รัฐบาลของยืนยันว่ายังไม่มีมาตรการกระตุ้นฯในช่วงนี้ เนื่องจากภาคอสังหาริมทรัพย์ยังเติบโตล้อไปกับการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานที่ภาครัฐกำลังเดินหน้าอยู่ในขณะนี้ ประกอบกับการที่ผู้ประกอบการเองมีการปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ตลาด อาทิ การลดจำนวนโครงการในพื้นที่มีโอเวอร์ซัพพลาย รวมถึงปัจจัยบวกจากภาพเศรษฐกิจปี 2560 ที่มีแนวโน้มเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยปีนี้คาดว่าจะมีจีดีพีประมาณ 3.6% ความคืบหน้าการพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อย บ้านประชารัฐ การพัฒนาพื้นที่ในเขตเศรษฐกิจพิเศษ” นายวิสุทธิกล่าว

Advertisement

นายประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต นายกสมาคมอาคารชุดไทย เปิดเผยว่า การเติบโตของภาคอสังหาริมทรัพย์เป็น Local content ที่จะทำให้เกิดการจ้างงานภายในประเทศและเกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมอื่นๆ ทำให้เกิดการเติบโตทางเศรษฐกิจ และมั่นใจว่าการเติบโตของอสังหาริมทรัพย์ในภาพรวมที่คาดว่าจะเติบโต 5% จะส่งผลให้จีดีพีปี 2560 เติบโตได้อย่างน้อย 3.5% สอดคล้องกับทิศทางภาครัฐ

“ในปีนี้จะเป็นปีสำคัญที่จะเกิดการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ จะมีการปรับโครงสร้างการพัฒนาที่อยู่อาศัยในเขตเมืองไปสู่ต่างจังหวัดและตามแนวชายแดนมากขึ้น โดยคาดว่าปีนี้จะมีอัตราการเติบโตประมาณ 5% สำหรับมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์จากภาครัฐมองว่ายังไม่จำเป็นเนื่องจากในปี 2559 ที่ผ่านมา ผู้ประกอบการมีปรับตัวให้เข้ากับตลาดและพฤติกรรมผู้บริโภค และมองว่ารัฐควรจะเร่งให้มีการปรับปรุงผังเมือง เพื่อการจัดการพื้นที่อย่างมีประสิทธิภาพรองรับการลงทุนที่จะเกิดขึ้นในอีก 3-5 ปีข้างหน้า” นายประเสริฐกล่าว

นายอธิป พีชานนท์ นายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร กล่าวว่า ในฐานะผู้ประกอบการมองว่ามาตรการอสังหาริมทรัพย์ยังไม่จำเป็นในขณะนี้ แต่อยากฝากรัฐบาลให้้เร่งการก่อสร้างในโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานให้ตรงเวลา โดยในช่วงครึ่งปีแรกนี้อาจจะไม่ง่ายนัก ยังมีความคืบหน้าที่ยังไม่เห็นผลชัดเจน เนื่องจากโครงการส่วนใหญ่อยู่ในช่วงครึ่งปีหลัง ดังนั้นจึงมองว่าหากรัฐบาลเร่งรัดการก่อสร้างให้เป็นไปตามแผน ตรงเวลา การลงทุนภาครัฐจะเป็นเซ็กเตอร์สำคัญที่ทำให้เกิดการลงทุนของภาคเอกชน

Advertisement

“ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในกรุงเทพและปริมณฑลยังเติบโตดี โดยเฉพาะคอนโดมิเนียมที่ยังมีสัดส่วนมากที่สุดในตลาด ส่วนโครงการแนวราบในปีนี้มองว่าทาวน์เฮ้าส์จะเป็นพระเอกของตลาดอสังหาริมทรัพย์ มีอัตราการเติบโตอย่างน้อย 10% เนื่องจากการเปรียบเทียบราคาต่อตารางเมตรแล้ว จะมีราคาต่ำกว่าคอนโดมิเนียม โดยเฉพาะในทำเลรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย ช่วงรังสิต-ลำลูกกา ทำเลตลาดใหม่-ดอนเมือง และช่วงปลายถนนเพชรเกษมในโซนกรุงเทพตอนใต้ ส่วนตลาดบ้านเดี่ยวยังทรงตัว ส่วนตลาดอสังหาริมทรัพย์ในต่างจังหวัดมองว่า โซนภาคตะวันออกจะเติบโตดีสุด จากปัจจัยการเติบโตในเขตเศรษฐกิจพิเศษและการท่องเที่ยว รองลงมาเป็นภาคใต้ เนื่องจากราคายางพาราปรับตัวดีขึ้น ส่วนในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (อีสาน) ยังคงทรงตัวถึงติดลบ เนื่องจากกำลังซื้อของผู้บริโภคและราคาพืชผลทางเกษตรยังปรับขึ้นไม่มากนัก” นายอธิปกล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image