นายแมทธิว กิจโอธาน. ประธานกรรมการบริษัท และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เวฟ เอ็นเตอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในปี 2560 บริษัทจะเติบโตด้วยวิธีขยายสาขาของกิจการที่มีอยู่ แต่เพิ่มความระมัดระวังในการขยายสาขาไปยังต่างจังหวัด เนื่องจากกำลังซื้อค่อนข้างอ่อนตัวมาก เห็นได้จากผลประกอบการร้านอาหารและร้านค้าปลีกของบริษัทอื่นเติบโตในระดับต่ำ ดังนั้น บริษัทจึงเลือกขยายสาขาอย่างช้าๆ เพื่อความปลอดภัย โดยตั้งเป้าขยายสาขาร้านเจฟเฟอร์ สเต็กแอนด์ซีฟู้ดอีก 6-8 สาขาจากปี 2559 มีอยู่ 80 สาขา จากเดิมที่เจ้าของเดิมจะขยายปีละ 20 สาขา ตั้งเป้าขยายธุรกิจสอนภาษาอังกฤษวอลล์สตรีท อิงลิชอีก 1 สาขาที่เซ็นทรัลพระราม 2 จากปัจจุบันมีอยู่ 10 สาขา
ทั้งนี้ คาดว่าภายในปี 2563 เจฟเฟอร์เสต็กจะมีสาขารวม 200 สาขา และอาจเปิดขายเป็นแฟรนไชส์ ซึ่งปัจจุบันมีผู้ประกอบการไทยและผู้ประกอบการในซีแอลเอ็มวีสนใจซื้อแล้ว ขณะที่วอลล์สตรีทตั้งเป้า 3-5 ปีจะเปิดให้ได้ 20 สาขาเพื่อเฉลี่ยต้นทุนคงที่ และจะขยายสาขาไปตามห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ขณะที่การเข้าซื้อกิจการนั้นบริษัทสนใจซื้อกิจการอาหารมูลค่าใหญ่กว่าเจฟเฟอร์เข้ามาบริหารแต่ยังต้องพิจารณาเรื่องราคาเพื่อความคุ้มค่าในการลงทุน ซึ่งขณะนี้ผู้ประกอบการหลายรายต้องการขยายกิจการเพราะธุรกิจไม่ดีเหมือนก่อน
นอกจากนี้ มีแผนนำธุรกิจกลุ่มบันเทิงเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แต่ยังต้องขยายกิจการให้มีมูลค่าที่เหมาะสมก่อน รวมทั้งมีแผนขายหุ้นบริษัท ไทย โซล่าร์ เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) ที่บริษัทถืออยู่ 10.01% ออกเพื่อนำเงินมาใช้ในกิจการหลัก โดยปัจจุบันมีนักลงทุนต่างประเทศสนใจเข้าซื้อต่อแล้ว
นายแมทธิวกล่าวอีกว่า สำหรับสภาพตลาดอีเว้นท์ในขณะนี้นั้นแต่ละบริษัทยังไม่ปล่อยงานออกมาอย่างเต็มที่ เป็นผลต่อเนื่องจากบรรยากาศโดยรวมของประเทศที่เกิดขึ้นในไตรมาส 4/2559 บริษัทจึงหันมารับงานอีเว้นท์ของภาครัฐเพื่อเพิ่มรายได้ ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้ารายได้ 3,000 ล้านบาทเติบโต 20% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยตั้งเป้ารายได้ เจฟเฟอร์ สเต็กแอนด์ซีฟู้ดเติบโต 10% หรือทำได้ 750 ล้านบาท ธุรกิจสอนภาษาอังกฤษวอลล์สตรีท อิงลิช เติบโต 10% หรือทำได้ 730 ล้านบาท ธุรกิจบันเทิงและกิจกรรมทางการตลาดตั้งเป้าทำรายได้ 1,500 ล้านบาท เติบโต 30% เมื่อเทียบกับปีก่อน
