เริ่มแล้ว! ขนส่งทางบกจับ-ปรับจริงรถตู้ผู้โดยสารเกิน 13 ที่นั่ง ไม่มีช่องทางออกด้านท้ายตัวรถ

นายสนิท พรหมวงษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า ตั้งแต่วันที่ 15 พฤษภาคมเป็นต้นไป จะเริ่มบังคับใช้มาตรการทางกฎหมายกับผู้ประกอบการและเจ้าของรถตู้โดยสารทุกคันในการปรับปรุงแก้ไขการจัดวางที่นั่งผู้โดยสารในรถตู้โดยสารสาธารณะทุกประเภทให้ไม่เกิน 13 ที่นั่ง และต้องจัดวางรูปแบบที่นั่งแถวหลังสุดให้มีช่องทางเดิน ขนาดความกว้างไม่น้อยกว่า 20 เซนติเมตร เพื่อใช้เป็นทางเดินออกประตูด้านท้ายของรถได้สะดวกขึ้นเมื่อเกิดอุบัติเหตุและประตูทางเข้าไม่สามารถเปิดได้ เพื่อลดการสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สิน โดยประตูหลังต้องสามารถเปิดออกจากภายในตัวรถได้ในกรณีที่มีเหตุจำเป็นหรือเกิดอุบัติเหตุและมีค้อนทุบกระจก และมีข้อความ “ทางออกฉุกเฉิน” เป็นตัวอักษรภาษาไทยสีแดงสะท้อนแสงมีความสูงไม่น้อยกว่า 5 เซนติเมตร ติดอยู่เหนือบริเวณที่เปิด-ปิดประตู หรือบริเวณขอบประตูด้านบนทางออกฉุกเฉินให้สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน หากพบการฝ่าฝืนจะพิจารณาอัตราโทษปรับเบื้องต้น ควบคู่กับการแนะนำและตักเตือน สร้างความเข้าใจกับผู้ประกอบการ พร้อมชี้แจงมาตรการการบังคับใช้กฎหมายซึ่งจะมีความเข้มข้นขึ้น หลังจากที่ได้ให้ระยะเวลาผู้ประกอบการขนส่งหรือเจ้าของรถตู้ในการเตรียมความพร้อมปรับปรุงจำนวนที่นั่งให้เป็นไปตามกฎหมาย คู่ขนานกับการสร้างความเข้าใจ การรับรู้ ตลอดจนการให้คำปรึกษามาอย่างต่อเนื่อง

สำหรับกรณีรถที่ไม่มีที่เปิดประตูด้านท้ายจากภายในตัวรถได้ผ่อนผันให้ติดตั้งค้อนทุบกระจกเพิ่มเติมในบริเวณใกล้บานกระจกด้านท้ายในตำแหน่งที่มองเห็นได้ชัดเจน และสะดวกในการหยิบใช้งาน รวมถึงกรณีรถตู้ที่มีการจัดวางที่นั่งผู้โดยสารไม่เกิน 13 ที่นั่งอยู่ก่อนแล้ว โดยที่นั่งแถวหลังสุดเป็นแบบ 3 ที่นั่ง และไม่มีช่องทางเดินออกฉุกเฉินด้านท้าย ต้องถอดที่นั่งแถวหลังสุดให้มีช่องทางเดิน หรือปรับปรุงที่นั่งแถวหลังสุด ให้พนักพิงเบาะหลังเป็นแบบพับไปข้างหน้าหรือปรับเอนไปข้างหลัง และติดตั้งค้อนทุบกระจกเพิ่มเติมในบริเวณใกล้บานกระจกด้านท้ายด้วยเช่นเดียวกัน

อธิบดีกรมการขนส่งทางบกกล่าวเพิ่มเติมว่า กรมการขนส่งทางบกขอความร่วมมือผู้ประกอบการขนส่งร่วมเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการยกระดับความปลอดภัย ไม่ให้เกิดความสูญเสียรุนแรงในการเดินทางด้วยรถตู้โดยสารสาธารณะนำรถเข้ารับการตรวจสภาพและแก้ไขรายการทางทะเบียนตามเงื่อนไขและระยะเวลาที่กำหนด สำหรับรถตู้โดยสารประเภทประจำทางในเส้นทางหมวด 2 (เส้นทางกรุงเทพฯ-ต่างจังหวัด) และหมวด 3 (เส้นทางระหว่างจังหวัด) ให้ดำเนินการภายในวันที่ 5 มิถุนายน 2560 รถตู้ในเส้นทางหมวด 1 (เส้นทางในเมือง) และหมวด 4 (เส้นทางภายในจังหวัด) ให้ดำเนินการภายในวันที่ 5 กรกฎาคม 2560 และรถตู้โดยสารประเภทไม่ประจำทาง (รถเช่าเหมา) ให้ดำเนินการภายในวันที่ 5 สิงหาคม 2560

ทั้งนี้ หากพบการฝ่าฝืนจะดำเนินการลงโทษขั้นสูงสุดทุกกรณี ทั้งนี้ กรมการขนส่งทางบกยังเดินหน้าสแกนรถโดยสารสาธารณะทุกคันและพนักงานขับรถทุกคน ตามรายการตรวจสอบที่กรมการขนส่งทางบกจัดทำขึ้น (Checklist) เช่น การติดตั้งระบบ GPS Tracking การติดตั้งเข็มขัดนิรภัยต้องมีครบทุกที่นั่งและสามารถใช้งานได้ จำนวนที่นั่งไม่เกินตามที่กำหนด สภาพยางและล้อต้องอยู่ในสภาพปลอดภัย มีค้อนทุบกระจก ติดตั้งถังดับเพลิงครบถ้วน เป็นต้น ส่วนพนักงานขับรถต้องมีใบอนุญาตขับรถถูกต้อง สภาพร่างกายมีความพร้อม ไร้สารเสพติดและแอลกอฮอล์เป็นศูนย์ 100%

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image