ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวหลังการประชุมผู้บริหารหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ ว่า จากปัญหาภาวะเศรษฐกิจโลกที่ยังคงชะลอ ประเทศจีนก็กำลังประสบปัญหาการส่งออกหนักพอสมควร เท่ากับส่งผลกระทบโดยตรงต่อการนำเข้าสินค้าและประเทศที่พึ่งพาการส่งออกเป็นหลัก รวมถึงประเทศไทยด้วย ซึ่งแนวทางที่ไทยจะเตรียมรับมือกับปัญหาเศรษฐกิจโลกครั้งนี้ คือ การเร่งรัดเบิกจ่ายและการลงทุนจากภายในประเทศ ซึ่งได้กำชับและเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณของรัฐวิสาหกิจให้เกิดขึ้นภายในครึ่งปีแรก เพื่อรองรับปัญหาจากเศรษฐกิจโลก เพราะที่ผ่านมา พบว่า รัฐวิสาหกิจส่วนใหญ่ เบิกจ่ายงบประมาณล่าช้าในช่วงต้นปี จะไปเน้นการเบิกจ่ายไตรมาส 3 และ 4 ของปีมากกว่า พร้อมกำชับให้รัฐวิสาหกิจปรับลดเป้าการเบิกจ่ายภายในแต่ละหน่วยงานตามสภาพความเป็นจริง ไม่ใช่การปรับลดเป้าเพื่อให้ตัวเลขการเบิกจ่ายดูสูงขึ้น
นายสมคิด กล่าวว่า ผู้บริหารรัฐวิสาหกิจได้รับปากในที่ประชุมฯจะไปเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณในแต่ละหน่วยงาน อย่างการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) รับปากว่าจะไปเร่งรัดการเบิกจ่ายภายใน 2 -3 เดือนนี้ให้เร็วขึ้น ส่วนบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เสนอว่าช่วงนี้เศรษฐกิจโลกไม่ดี จึงชะลอการลงทุนในต่างประเทศ ตนจึงเสนอให้มีการนำเงินลงทุนภายในประเทศแทน ขณะที่บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. ควรเร่งรัดดำเนินการก่อสร้างสนามบินแห่งใหม่ที่ประสบปัญหาคับแคบ อาทิ สนามบินเชียงใหม่ ขอนแก่น อุดรธานี อุบลราชธานี โดยควรเร่งการก่อสร้างโดยไม่ใช่กระบวนการตามขั้นตอนปกติ เพราะอาจก่อให้เกิดความล่าช้า ส่วนการก่อสร้างสนามบินสุวรรณภูมิ ระยะที่ 2 ก็ควรเร่งรัดเบิกจ่ายงบประมาณพร้อมๆกันไปในแต่ละสัญญา
