ครม.อนุมัติครัวการบินกรุงเทพ-แอลเอสจี ส่งอาหารป้อนสนามบินอื่นได้

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยถึงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่เกี่ยวข้องกระทรวงคมนาคมว่า ครม.มีมติเห็นชอบให้บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. แก้ไขเพิ่มเติมสัญญาโครงการครัวการบิน ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ที่ได้ทำร่วมกับบริษัท ครัวการบินกรุงเทพ จำกัด (BAC) และบริษัท แอลเอสจี สกายเชฟส์ (ประเทศไทย) ซึ่งเป็นผู้ประกอบการเอกชนที่ได้รับอนุญาตให้เป็นผู้ให้บริการโครงการครัวการบิน สามารถไปให้บริการครัวการบินแก่สายการบินที่เปิดให้บริการเที่ยวบิน ณ ท่าอากาศยานแห่งอื่นได้ นอกเหนือจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิที่ระบุไว้ตามสัญญาเดิม โดยจะมีการลงนามในสัญญาใหม่กับ 2 บริษัทอีกครั้งในเร็วๆ นี้

นายอาคม กล่าวว่า เบื้องต้นทางบริษัท ครัวการบินกรุงเทพ ได้แจ้งความประสงค์ขอเป็นผู้ให้บริการครัวการบินแก่สายการบินที่เป็นลูกค้าของตนเองที่เปิดให้บริการเที่ยวบิน ณ ท่าอากาศยานแห่งอื่น เช่น ท่าอากาศยานหัวหิน และท่าอากาศยานอู่ตะเภา เป็นต้น ขณะที่บริษัท แอลเอสจี แจ้งความประสงค์ขอเป็นผู้ให้บริการลูกค้าประเภทเช่าเหมาที่เปิดให้บริการเที่ยวบิน ณ ท่าอากาศยานอู่ตะเภา อย่างไรก็ตามการให้บริการดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพในการให้บริการครัวการบิน ณ ท่าอากาศยานภูมิ เนื่องจากแต่ละบริษัทยังมีกำลังการผลิตเหลืออีกมาก โดยบริษัท ครัวการบินกรุงเทพ เหลือ 20% ส่วนบริษัท แอลเอสจี เหลือ 50% ดังนั้นจึงยังสามารถไปให้บริการครัวการบินที่สนามบินอื่นได้โดยไม่กระทบต่อการให้บริการที่สนามบินสุวรรณภูมิ

นายอาคม กล่าวว่า การดำเนินการดังกล่าวถือเป็นการสนับสนุนกิจกรรมการบินของประเทศ และยังเป็นการสนับสนุนนโยบายส่งเสริมท่าอากาศยานเชิงพาณิชย์แห่งที่ 3 ที่สนามบินอู่ตะเภาด้วย เพราะปัจจุบันที่สนามบินแห่งนี้ยังมีผู้โดยสารไม่มาก ประมาณ 3 แสนคนเท่านั้น หากมีการจัดตั้งครัวการบินอาจไม่คุ้มกับการลงทุน จึงต้องใช้ครัวการบินเดิมที่สุวรรณภูมิมาให้บริการไปก่อน แต่ในอนาคตเมื่อสนามบินอู่ตะเภามีผู้โดยสารมากขึ้นถึง 3 ล้านคน ก็อาจเปิดให้ผู้ประกอบสามารถเปิดครัวการบินที่สนามบินอู่ตะเภาได้

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image