วันที่ 12 กุมภาพันธ์ ภายหลังเกิดภาวะแล้งขยายวงกว้าง น้ำต้นทุนในเขื่อนเหลือน้อยใช้ได้เพียงอุปโภคบริโภค ชาวนาหันมาปลูกพืชใช้น้ำน้อยสร้างรายได้เลี้ยงครอบครัวสู้ภัยแล้ง โดยนายเดชา ขำดำไพ อายุ 72 ปี ได้เช่าที่ดินจำนวน 3 ไร่ บริเวณริมถนนสาย อ่างทอง-วัดขุนอินทรประมูล หมู่ 3 ต.อินทประมูล อ.โพธิ์ทอง จ.อ่างทอง ปลูกกระเจี๊ยบเขียว พืชที่ใช้น้ำน้อย ทนแล้ง อายุการเก็บเกี่ยวผลผลิตเพียง 35-40 วัน ก็สร้างรายได้สู้ภัยแล้งหาเลี้ยงครอบครัวมีรายได้อย่างงาม
นายเดชา เปิดเผยว่า ตนเองปลูกกระเจี๊ยบเขียวจำนวน 3 ไร่ เก็บฝักส่งขายบริษัทรับซื้อพร้อมลงทุนค่าเมล็ดพันธุ์มีรายได้มานานหลายปีแล้ว และในช่วงเกิดภาวะแล้งขาดแคลนน้ำทางบริษัทได้หยุดการลงทุนและรับซื้อผลผลิตกระเจี๊ยบเขียว ตนเองจึงได้ลงทุนปลูกขายส่งตลาดเองโดยใช้น้ำบาดาลจากบ่อกลางทุ่งนาสูบมาหล่อเลี้ยงต้นกระเจี๊ยบ ซึ่งเป็นพืชใช้น้ำน้อยทนแล้งได้ดี หากการดูแลดีจะมีผลผลิตต่อวันจำนวนมากเก็บขายส่งตลาดได้ตกวันละ 500-800 บาททุกวัน
โดยจะนำไปส่งขายในตลาดเองซึ่งราคาขายฝักอ่อนกระเจี๊ยบเขียว อยู่ที่กิโลกรัมละ 14-15 บาท พื้นที่จำนวน 3 ไร่ เก็บเกี่ยวได้ถึงวันละ 30-50 กิโลกรัมต่อวัน ทำให้มีรายได้อย่างงามช่วงหน้าแล้ง และการลงทุนไม่สูงใช้เพียงความขยันอดทน และการดูแลบำรุงรักษาที่ดีก็มีรายได้แล้วนอกจากปลูกกระเจี๊ยบแล้วคุณตาเดชา ยังทำนา ในพื้นที่ใกล้เคียงจำนวน 30 ไร่ โดยใช้น้ำจากบ่อบาดาลมาปลูกข้าวและต้นกระเจี๊ยบ ด้วยประสบการณ์ที่ผ่านร้อนผ่านหนาวสู้ภัยธรรมชาติ มาแล้วถึง 72 ปี