เจอแล้ว!! ผอ.พศ.เผยเจอวัดที่ ‘พระไม่จับเงิน’ แล้ว

เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน ที่อาคารสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผู้อำนวยการ พศ.กล่าวในการแถลงข่าวภายหลังการประชุม มส.ว่า ตามหลักกาลามสูตร พระพุทธองค์สอนไว้ว่า อย่าเชื่ออะไรง่ายๆ ซึ่งช่วงที่ผ่านมาเกิดข่าวลือ ข่าวลวงต่างๆ มากมาย เช่น กรณีข่าวหนังสือของ พศ.ที่ขอให้สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด (พศจ.) สำรวจวัดที่มีการจัดระบบบริหารการเงินบัญชีวัด โดยมิให้พระภิกษุสงฆ์ต้องจับเงินนั้น ขอชี้แจงว่าเรื่องดังกล่าว พศ.ไม่มีอำนาจไปสั่งการวัด เพราะสายการปกครองของคณะสงฆ์ไทยมี มส.เป็นองค์กรปกครองสูงสุด ลักษณะเดียวกับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ดังนั้น การสั่งการไปยังคณะสงฆ์ต้องผ่านการสั่งการจาก มส.เท่านั้น ส่วนการออกหนังสือดังกล่าวของ พศ.เพื่อต้องการให้ พศจ.สำรวจวัดที่สามารถดำเนินการตามแนวทางนี้ได้ เพื่อนำมาเป็นวัดแบบอย่าง แต่กลับมีการตีความกันมากมาย และยืนยันว่า พศ.พบวัดที่ไม่ให้พระสงฆ์ต้องจับเงินแล้ว แต่ยังไม่ขอเปิดเผย

ผู้สื่อข่าวถามว่า ได้สอบถามความเห็นคณะสงฆ์ก่อนออกหนังสือดังกล่าวหรือไม่ พ.ต.ท.พงศ์พร กล่าวว่า ไม่ได้ถามคณะสงฆ์ เพราะเห็นว่าเรื่องเกี่ยวกับการจับเงินของพระสงฆ์มีระบุอยู่ในพระธรรมวินัยอยู่แล้ว

ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า จะเข้าแจ้งความเงินทอนวัดล็อต 4 กับกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) เมื่อไหร่ เนื่องจาก บก.ปปป.รอให้ผู้อำนวยการ พศ.ไปแจ้งความ พ.ต.ท.พงศ์พร กล่าวว่า ยังไม่ทราบข่าวจากทาง บก.ปปป.อย่างไรก็ตาม โดยหลักการแล้วการแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษ เจ้าหน้าที่ตำรวจจะต้องมีหนังสือแจ้งมาก่อนว่าให้เข้าไปแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษ ส่วนกรณีที่ตำรวจกองปราบปรามฯ ดำเนินการกับวัดสำคัญนั้น เป็นความผิดตามกฎหมายฟอกเงิน ที่พบว่าเมื่อ พศ.โอนเงินไปยังวัดแล้ว ทางวัดกลับยักย้ายถ่ายเท ซึ่งหากมีการตรวจสอบพบความผิดปกติ สามารถแจ้งความดำเนินคดีได้ ส่วนที่ถามว่าในยุคตนเป็นผู้อำนวยการ พศ.เกิดเรื่องเงินทอนขึ้นหรือไม่ ยืนยันว่ายุคตนไม่ให้ทอน และไม่มีเรื่องคดีเงินทอน อีกทั้ง ทุกครั้งที่พบกับพระสังฆาธิการ จะบอกโดยตลอดว่าหากพบเรื่องเงินทอนวัด ให้แจ้งมาที่ตนได้ตลอด

ผู้สื่อข่าวถามว่า หากมีพระมาชุมนุมที่ พศ.จะมีมาตรการดำเนินการอย่างไร พ.ต.ท.พงศ์พร กล่าวว่า หากมีพระมาหา ก็จะเข้าไปกราบ รวมทั้ง ยืนยันว่าในยุคของตนไม่มีเงินทอนวัดอย่างแน่นอน และหากวัดใดพบเจอการกระทำดังกล่าว ขอให้แจ้งมา ตนพร้อมจะจัดการให้เกิดความโปร่งใส ส่วนจะมีผู้ที่ไม่พอใจในการดำเนินงาน โดยไปฟ้องมาตรา 157 เชื่อว่าหากไม่ได้กระทำอะไรผิด ก็ไม่ต้องกลัว ตนเป็นชาวพุทธคนหนึ่ง จะมาทำลายพระพุทธศาสนาได้อย่างไร

Advertisement

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีพระมหาศาสนมุนี หรือเจ้าคุณแป๊ะ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดปากน้ำภาษีเจริญ มีภาพถ่ายเผยแพร่ออกมาว่าสึกแล้ว พ.ต.ท.พงศ์พร กล่าวว่า ต้องขอตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อน จึงต้องรอความชัดเจนอีกครั้ง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ด้านนายสิปป์บวร แก้วงาม ผู้อำนวยการสำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคม (มส.) ได้อ่านคำแถลงข่าวของพระพรหมมุนี ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม กรรมการ มส.และเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช ในฐานะประธานกรรมการวัดสัมพันธวงศารามวรวิหาร พร้อมทั้งแจกคำแถลงข่าวดังกล่าวต่อสื่อมวลชนด้วย โดยคำแถลงข่าว ระบุว่า การที่อาตมา (พระพรหมมุนี) ไปเป็นประธานกรรมการวัดสัมพันธวงศ์ เนื่องจากมีผู้ใหญ่ร้องขอมาให้เข้าไปช่วยกำกับดูแล โดยการประชุมกรรมการวัด ได้ไปนั่งเป็นประธาน และรับฟังเท่านั้น ทั้งยังบอกด้วยว่าจะทำอะไรให้ประนีประนอมกัน ให้เกิดความสงบในวัด ตอนนี้วัดช้ำพอแล้ว ให้ฟื้นฟูวัดให้ดี และช่วงนี้ให้ประชุมทุกเดือน ได้มีการแบ่งหน้าที่กันจัดระเบียบภายในวัดให้เรียบร้อย ให้ช่วยกันรักษาวัด แบ่งหน้าที่กันใครดูแลอะไร จะบูรณะอะไรให้วางแผนกันให้ดี สิ่งของ และทรัพย์สินที่เป็นของท่านพระพรหมเมธี ให้ลงทะเบียนไว้ให้ชัดเจน เก็บให้เรียบร้อย เพื่อที่เมื่อคดีสิ้นสุดแล้วค่อยว่ากันอีกที ส่วนเรื่องให้ดูพฤติกรรมของพระ 3 รูปนั้น เป็นการพิจารณาของคณะกรรมการวัด เนื่องจากทางวัดเห็นว่าพระทั้ง 3 รูป ซึ่งเป็นพระอาคันตุกะ ที่เข้ามาอยู่ที่วัดสัมพันธวงศ์ แต่กลับมีพฤติกรรมไม่เหมาะสม ซึ่งไม่เกี่ยวกับเรื่องคดีเงินทอนวัด

วันเดียวกัน นายจรูญ วรรณกสิณานนท์ กลุ่มชาวพุทธพลังแผ่นดิน พร้อมนายวรกร พงศ์ธนากุล ประธานเครือข่ายทนายความและประชาชนปกป้องพระพุทธศาสนา พร้อมเครือข่ายชาวพุทธ เข้ายื่นหนังสือกราบทูลต่อสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ขอให้พระสงฆ์ทั่วราชอาณาจักร แจ้งข้อกล่าวหา พศ.จากกรณีทำให้พระสงฆ์ต้องถูกจับกุม และถูกสึก โดยที่ยังไม่ได้ชี้แจงข้อกล่าวหา เพื่อขอให้ออกประกาศเพื่อให้พระสงฆ์ปฏิบัติพร้อมกัน

Advertisement

นายจรูญ กล่าวว่า มายื่นหนังสือร้องขอให้ มส.ออกประกาศให้พระสงฆ์ทั่วประเทศปฏิบัติพร้อมกัน ดังนี้ 1.ให้เจ้าอาวาส หรือตัวแทนเจ้าอาวาส ไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้ที่สถานีตำรวจท้องที่ว่า งบที่ได้รับจาก พศ.อาจเป็นงบผิดประเภท ผิดจากวัตถุประสงค์ที่ขอไป หากมีการแจ้งข้อกล่าวหากับทางวัดว่าใช้งบผิดประเภท หรือเงินทอนวัด หรือฟอกเงิน ทางวัดจะแจ้งความดำเนินคดีกับ พศ.และผู้อำนวยการการ พศ.จนถึงที่สุด และให้ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาไว้ก่อน แล้วให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกท้องที่ลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน และเก็บสำเนาลงบันทึกประจำวันไว้ พร้อมทั้งประกาศให้พระเณรภายในวัด หรืออุบาสก อุบาสิกาของวัดทราบ และเป็นพยานบุคคลไว้

“2.ให้เจ้าอาวาส หรือตัวแทนเจ้าอาวาส ไปร้องทุกข์กล่าวโทษต่อเจ้าหน้าที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติจังหวัด (ป.ป.ช.จังหวัด) ไว้ทุกจังหวัด โดยให้ข้อมูลเกี่ยวกับที่มาของงบดังกล่าวที่วัดได้มาต่อ ป.ป.ช.จังหวัดไว้เป็นหลักฐาน เพื่อที่ ป.ป.ช.จังหวัดจะได้กันวัดไว้เป็นพยาน และเป็นผู้เสียหายในคดีต่อไป และให้ดำเนินคดี กับข้าราชการ พศ.ที่รับเงินทอนจากวัดทั่วประเทศ ในข้อหาฉ้อโกงเงินวัด

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image