เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน ผู้อำนวยการโรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่งในพื้นที่ 5 จังหวัดภาคใต้ เปิดเผยว่า ขณะนี้โรงเรียนเอกชนทั่วทั้งประเทศประสบปัญหาต่างกันออกไป โดยโรงเรียนเอกชนในภาคอื่นๆ จะประสบปัญหานักเรียนลดน้อยลง ปัญหาการเลิกจ้างครู เป็นต้น แต่โรงเรียนเอกชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ประสบปัญหาที่ละเอียดอ่อนกว่านั้น ทุกวันโรงเรียนเอกชนภาคใต้จะพบปัญหาเรื่องการปฏิบัติที่ไม่เท่าเทียมกัน ระหว่างโรงเรียนเอกชนสอนศาสนากับโรงเรียนของรัฐ
“ประเด็นที่เกิดขึ้นตอนนี้คือ ทางรัฐส่งเจ้าหน้าที่ทหาร และตำรวจ เข้าไปตรวจค้นโรงเรียนเอกชนสอนศาสนา ซึ่งเป็นการตรวจค้นโรงเรียนโดยมิชอบ อย่างไรก็ตาม โรงเรียนเอกชนอยู่ในกำกับของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) ซึ่งอยู่ในกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) อยู่แล้ว จึงเกิดคำถามในการตรวจค้น ว่าควรให้ ศธ.เป็นผู้ตรวจค้นหรือไม่ อีกทั้ง ตรวจค้นแค่โรงเรียนสอนศาสนาเอกชนเท่านั้น ไม่เคยตรวจค้นโรงเรียนรัฐเลย ทำให้รู้สึกถึงความไม่เท่าเทียมกัน ถ้าจะตรวจสอบโรงเรียนก็ควรจะตรวจสอบให้หมด ไม่ใช่เจาะจงแบบนี้ ซึ่งการเข้าตรวจค้นโรงเรียนนั้น ทหารให้เหตุผลเพียงต้องการตรวจสอบดูว่าโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาแต่ละแห่ง ใช้งบประมาณที่รัฐบาลจัดสรรมาให้ตรงตามวัตถุประสงค์หรือไม่” ผู้อำนวยการโรงเรียนเอกชนคนเดิม กล่าว
ผู้อำนวยการโรงเรียนเอกชนคนเดิม กล่าวอีกว่า การเข้ามาตรวจค้นลักษณะนี้ สร้างความเสียหายให้กับโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอย่างมาก เด็กหวาดกลัว ผู้ปกครองตั้งคำถามว่าโรงเรียนทำอะไร ทำไมถึงถูกตรวจค้น ตรวจค้นเรื่องอะไร เกิดความไม่น่าเชื่อถือ ไม่เชื่อใจในกลุ่มผู้ปกครอง โรงเรียนเองก็ไม่สามารถอธิบายได้ เกิดความรู้สึกไม่ดี ไม่เท่าเทียมกัน เกิดคำถามว่าทำไมถึงกระทำกับโรงเรียนเอนชนเหมือนเป็นผู้ร้าย ทั้งนี้ วิธีการแก้ปัญหาง่ายมาก รัฐ และเอกชนต้องมีความเข้าใจซึ่งกันเเละกัน จะแก้ไขปัญหาความขัดเเย้งได้ และขอให้เจ้าตรวจค้นโรงเรียนทุกแห่งอย่างเท่าเทียมกัน
