สพฐ.ส่งสัญญาณรับ ม.1-ม.4 ปี’62 ร.ร.ดังต้องรับเด็กพื้นที่บริการ 100%

เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม นายสวัสดิ์ เพชรบูรณ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนหอวัง เปิดเผยว่า ที่นายบุญรักษ์ ยอดเพชร เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เตรียมปรับหลักเกณฑ์ และแนวทางการรับนักเรียน สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ปีการศึกษา 2562 โดยรวบรวมปัญหาการรับนักเรียนชั้น ม.1 และ ม.4 ที่เกิดขึ้นในปีการศึกษา 2561 มาทบทวน ทั้งกำหนดจำนวนรับนักเรียนต่อห้องที่เหมาะสม รวมถึง ทบทวนประเด็นที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มอบนโยบายให้ลดการสอบลง โดยหลักการหนึ่งที่นำมาพิจารณาในครั้งนี้ คือการกำหนดเขตพื้นที่บริการใหม่ อาจกำหนดโรงเรียนมัธยมขนาดใหญ่ หรือโรงเรียนยอดนิยมทั่วประเทศ รับเด็กในพื้นที่บริการเพิ่มขึ้น โดยอาจเพิ่มถึง 100% นั้น ขณะนี้โรงเรียนต่างๆ ได้รับสัญญาณจาก สพฐ.ค่อนข้างชัดเจนแล้ว ว่าการรับเด็กเข้าเรียนในปีการศึกษา 2562 จะให้รับเด็กในเขตพื้นที่บริการ 100% ทำให้โรงเรียนในแต่ละพื้นที่จะต้องกำหนดเขตพื้นที่บริการที่ชัดเจน

นายสวัสดิ์กล่าวอีกว่า ขณะนี้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 2 กรุงเทพมหานคร (สพม.2 กทม.) ได้ให้แต่ละสหวิทยาเขต ไปประชุมแบ่งเขตพื้นที่บริการให้ชัดเจน โดยในส่วนของตนเป็นประธานกลุ่มโรงเรียนสหวิทยาเขตรัชโยธิน ซึ่งมีโรงเรียนในพื้นที่ทั้งหมด 5 โรง คือ โรงเรียนหอวัง โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ รัชดา โรงเรียนสารวิทยา โรงเรียนราชวินิตบางเขน และโรงเรียนจันทร์หุ่นบำเพ็ญ เร็วๆ นี้ จะนัดประชุมเพื่อกำหนดเขตพื้นที่บริการใหม่ เพราะปัจจุบันเขตพื้นที่บริการยังเหลื่อมล้ำ เช่น มีบางบ้านเลขที่อยู่ในเขตพื้นที่บริการถึง 3 พื้นที่ ดังนั้นเวลาเข้าเรียน เด็กจะแห่ไปเข้าเรียนในโรงเรียนยอดนิยมก่อน ทำให้โรงเรียนขนาดเล็ก และขนาดกลางในพื้นที่ ไม่มีเด็กเข้าเรียน หรือเด็กสามารถเลือกไปทดลองสอบในโรงเรียนยอดนิยมก่อน หากสอบไม่ติดก็ยังมีโรงเรียนในเขตพื้นที่บริการรองรับ

“หลังจากแบ่งพื้นที่บริการชัดเจนแล้ว ต่อไปเด็ก 1 คน จะมีสิทธิพื้นที่บริการ 1 โรงเรียน ถ้าเสี่ยงไปสอบเข้าโรงเรียนยอดนิยม หากสอบไม่ผ่าน และจะกลับมาเข้าเรียนโรงเรียนเขตพื้นที่บริการ ก็อาจจะยาก เพราะมีเด็กเข้าเรียนเต็มจำนวนแล้ว” นายสวัสดิ์ กล่าว

นายสวัสดิ์กล่าวต่อว่า ขณะเดียวกัน ยังมีปัญหามีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน หรือคอนโดมิเนียม จนเกิดเป็นอาชีพให้ย้ายชื่อเข้าทะเบียนบ้านได้ เพื่อเตรียมพร้อมใช้สิทธิเด็กในเขตพื้นที่บริการเข้าเรียนโรงเรียนดัง บางบ้านเลขที่มีชื่อเด็กอยู่มากถึง 50-60 คน ทำอย่างไรจึงจะแยกแยะเด็กเหล่านี้ได้ และให้สิทธิเฉพาะเด็กที่อยู่ในเขตพื้นที่บริการจริงๆ ได้เข้าเรียน

Advertisement

นายสวัสดิ์กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตาม การให้โรงเรียนรับเด็กในเขตพื้นที่บริการเพิ่ม หรือให้รับทั้งหมด 100% เป็นเรื่องที่ดี แต่อยากให้เปิดช่องสำหรับโรงเรียนที่มีคุณลักษณะพิเศษ เช่น มีห้องเรียนพิเศษ สองภาษา ห้องเรียนความสามารถพิเศษด้านต่างๆ เช่น คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ได้มีโอกาสคัดเลือกเด็กที่มีคุณลักษณะตามที่ต้องการได้ด้วย เพื่อให้โรงเรียนสามารถพัฒนาสู่ความเป็นเลิศได้

“การให้โรงเรียนรับเด็กในเขตพื้นที่บริการ โดยให้เหตุผลถึงความทุกข์ของประชาชน เป็นสิ่งที่ดี แต่ต้องคำนึงถึงคุณภาพด้วย เพราะถ้าโรงเรียนไม่มีโอกาสคัดเด็กหัวกะทิเข้าเรียน เพื่อพัฒนาศักยภาพเลย สุดท้ายจะทำให้โรงเรียนมีคุณภาพเท่ากัน แต่เท่ากันแบบต่ำลง ไม่ใช่ดีขึ้น” นายสวัสดิ์ กล่าว

ผู้อำนวยการโรงเรียนชื่อดังแห่งหนึ่ง ย่านดอนเมือง กล่าวว่า ส่วนตัวเห็นว่าหากกำหนดให้โรงเรียนรับเด็กในเขตพื้นที่บริการเพิ่มขึ้น หรือให้รับทั้ง 100% จะเกิดปัญหาอย่างแน่นอน ที่ชัดเจนคือกระทบคุณภาพการศึกษา ทำให้โรงเรียนไม่มีโอกาสในการคัดเลือกเด็กที่มีความสามารถเข้าเรียน ที่สำคัญปัญหาการรับเด็กพื้นที่บริการส่วนใหญ่เกิดขึ้นในพื้นที่กรุงเทพฯ เพราะมีโรงเรียนยอดนิยมค่อนข้างมาก แต่ในต่างจังหวัดไม่ได้มีปัญหาเดียวกัน การนำปัญหาของโรงเรียนในกรุงเทพฯ ไปกำหนดเป็นนโยบายให้โรงเรียนทั่วประเทศทำตาม จะทำให้คุณภาพการศึกษาลดลง เช่น โรงเรียนประจำจังหวัด จากเดิมที่เด็กในอำเภอ ตำบลต่างๆ หรือเด็กจังหวัดใกล้เคียง สอบแข่งขันเพื่อเข้าเรียน ก็จะรับได้เฉพาะเด็กที่อยู่ในพื้นที่ หรืออำเภอเมือง เป็นการลดเกรดให้โรงเรียนประจำจังหวัด เหลือแค่โรงเรียนประจำอำเภอเท่านั้น

Advertisement

“สพฐ.ส่งสัญญาณชัดเจนแล้วว่า ปีหน้าจะให้โรงเรียนรับเด็กในพื้นที่บริการ 100% ซึ่งขณะนี้โรงเรียนต่างๆ กำลังหารือกัน และเห็นว่าปัญหาสำคัญคือ การกำหนดเขตพื้นที่บริการ เพราะขณะนี้มีความซ้ำซ้อนกันค่อนข้างมาก และหากกำหนดใหม่ จะมีทั้งผู้ที่ได้ประโยชน์ และเสียประโยชน์ ดังนั้น เป็นไปได้ที่ผู้ปกครองที่เสียสิทธิจะฟ้องร้อง ซึ่งผมคิดว่าต้องมีการฟ้องร้องเกิดขึ้นแน่นอน ขณะเดียวกันหากแบ่งเขตชัดเจน การรับเด็กใน สพม.เขต 1 และ สพม.เขต 2 จะเกิดปัญหา เพราะ สพม.เขต 1 อยู่เขตกรุงเทพฯ ชั้นใน มีประชาชนอาศัยอยู่น้อยมาก ทำให้แต่ละแห่งรับเด็กได้ไม่เกิน 300-400 คน ขณะที่ สพม.เขต 2 เป็นเขตที่ประชากรอาศัยอยู่หนาแน่น ปัจจุบันมีเด็กเกินอยู่แล้วประมาณ 3,000 คน หากให้รับเด็กในเขตพื้นที่บริการ 100% จะทำให้เกิดปัญหาเด็กล้น” ผู้อำนวยการโรงเรียนคนเดิม กล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image