ราชกิจจาประกาศ ปปง.ยึดทรัพย์ ‘เกษม-พวก’ เซ่นปมโกงเงิน ช.พ.ค. 2.5 พันล.

ความคืบหน้า คดีทุจริตที่เกี่ยวข้องกับอดีตผู้บริหาร สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) ที่นำเงินจำนวนมหาศาลถึง 2,500 ล้านบาท ไปซื้อ “ตั๋วสัญญา” กับ บริษัท บิลเลี่ยน อินโนเวเท็ด กรุ๊ป จำกัด เมื่อปี 2556-2557 เพื่อนำไปลงทุนในโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ อ.หนองหญ้าปล้อง จ.เพชรบุรี อย่างไม่โปร่งใส นั้น

เมื่อวันที่ 22 ก.ค. 61 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราชกิจจานุเบกษาได้ประกาศเมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2561 ให้ยึดทรัพย์นายเกษม กลั่นยิ่ง กับพวก โดยมีใจความว่า

ประกาศพนักงานเจ้าหน้าที่ สำนักงาน ปปง. ลงวันที่ 18 ก.ค. 2561 เรื่องให้ผู้เสียหายยื่นคำร้องขอคุ้มครองสิทธิจากการกระทำความผิดมูลฐาน ใจความว่า ด้วยคณะอนุกรรมการธุรกรรมได้มีมติครั้งที่ 13/2561 เมื่อวันที่ 17 ก.ค. 2561 ให้ยึดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด นายเกษม กลั่นยิ่ง กับพวกไว้ชั่วคราว จำนวน 30 รายการ พร้อมดอกผล มีกำหนดไม่เกิน 90 วัน

อาศัยอำนาจตามความในข้อ 4 แห่งระเบียบคณะกรรมการธุรกรรมว่าด้วยการคุ้มครองสิทธิของผู้เสียหายในความผิดมูลฐานตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2559 จึงขอให้ผู้เสียหายที่ได้รับความเสียหายและไม่อาจดำเนินการเพื่อขอคืนทรัพย์สินหรือชดใช้คืนความเสียหายดังกล่าว หรือดำเนินการตามกฎหมายอื่นแล้วแต่ไม่เป็นผล ยื่นคำร้องพร้อมหลักฐานแสดงรายละเอียดแห่งความเสียหายและจำนวนความเสียหายที่ได้รับ ต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ณ สำนักงานปป. ภายในกำหนดเวลา 30 วัน นับแต่วันที่ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ทั้งนี้ตามแนบคำร้องเพื่อขอให้ศาลมีคำสั่งให้นำทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดไปคืนหรือชดใช้ให้แก่ผู้เสียหายในความผิดมูลฐานซึ่งสามารถดาวน์โหลดได้ที่ www.amlo.go.th

Advertisement

สำหรับคดีทุจริตดังกล่าว เกิดเนื่องจากอดีตผู้บริหาร สกสค.นำเงิน 2,500 ล้านบาท จาก กองทุนเงินสนับสนุนพิเศษฯ ตามโครงการสวัสดิการเงินกู้ ของกองทุนการฌาปนกิจสงเคราะห์ช่วยเพื่อนครูและบุคลากรทางการศึกษา (ช.พ.ค.) ซื้อตั๋วสัญญากับบริษัทบิลเลี่ยนฯ เพื่อนำไปลงทุนในโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ซึ่ง พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ที่รับช่วงต่อจาก พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย อดีตรัฐมนตรีว่าการ ศธ.ได้สั่งการให้ สกสค.แจ้งความดำเนินคดีข้อหา “ฉ้อโกง” อดีตผู้บริหาร สกสค. 2 ราย ได้แก่ นายสมศักดิ์ ตาไชย อดีตเลขาธิการ สกสค.และ นายเกษม กลั่นยิ่ง อดีตประธานคณะกรรมการกองทุนเงินสนับสนุนพิเศษ ช.พ.ค.

พร้อมแจ้งความดำเนินคดีกับ “กรรมการบริหาร” บริษัทบิลเลี่ยนฯ 9 ราย ในข้อหาสนับสนุนให้เจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และทำลาย หรือทำให้ไร้ประโยชน์ซึ่งตรา หรือเครื่องหมายอันเจ้าพนักงานได้ประทับ หรือหมายไว้ในการปลอมแปลงตั๋วสัญญา รวมถึง สอบวินัยเจ้าหน้าที่ สกสค.ที่เกี่ยวข้องอีก 6 ราย

Advertisement

ขณะที่ ปปง.มีมติเห็นชอบให้ “อายัด” ทรัพย์อดีตผู้บริหาร สกสค.กับพวก และบริษัทบิลเลี่ยนฯ รวม 2 ครั้ง จำนวน 153 รายการ มูลค่า 500-800 ล้านบาท เพราะมีพฤติการณ์เกี่ยวข้องกับความผิดตามกฎหมายว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การ หรือหน่วยงานของรัฐ หรือความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่หรือทุจริตต่อหน้าที่ ตามกฎหมายอื่น อันเป็นความผิดมูลฐานตามมาตรา 3 (5) แห่ง พ.ร.บ.ฟอกเงิน พ.ศ.2542 ซึ่ง ศธ.ได้ประเมินความเสียหายที่เกิดขึ้นในการทุจริตโครงการดังกล่าวถึง 7 พันล้านบาท

ส่วนการสอบสวนอดีตผู้บริหาร สกสค.และข้าราชการที่เกี่ยวข้องนั้น คณะกรรมการสอบสวนบุคลากร และผู้บริหาร สกสค.ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริต ที่แต่งตั้งโดย พล.อ.ดาว์พงษ์นั้น เมื่อช่วงปลายปี 2560 ได้มีคำสั่ง สกสค.ลงโทษไล่ออกอดีตผู้บริหาร และเจ้าหน้าที่ สกสค.รวม 7 คน ประกอบด้วย นายสมศักด์ ตาไชย อดีตเลขาธิการ สกสค.ลงนามคำสั่งโดย นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการ ศธ.ในฐานะประธาน สกสค.เมื่อวันที่ 26 กันยายน 2560 และให้มีผลย้อนหลังตั้งแต่วันที่ 29 พฤษภาคม 2560 เนื่องจากนายสมศักดิ์อนุมัติซื้อตั๋วสัญญาใช้เงิน 2,500 ล้านบาท จากบริษัทบิลเลี่ยนฯ โดยมิชอบ และเป็นการเอื้อประโยชน์ให้บริษัทบิลเลี่ยนฯ มีมูลเป็นความผิดวินัยอย่างร้ายแรงฐาน ไม่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต และเที่ยงธรรม ตามสำนวนไต่สวนข้อเท็จจริงของ ป.ป.ช.

ส่วนเจ้าหน้าที่อีก 6 คน ลงนามคำสั่งลงโทษไล่ออกโดย นายพิษณุ ตุลสุข อดีตรองปลัด ศธ.ในฐานะปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการ สกสค.ในขณะนั้น ตามสำนวนไต่สวนข้อเท็จจริงของ ป.ป.ช.ได้แก่ 1.นายสุรเดช พรหมโชติ รองเลขาธิการ สกสค.ในฐานะกรรมการบริหารกองทุนสวัสดิการเงินกู้ ช.พ.ค. 2.นางปิยาภรณ์ เยาวาจา พนักงานเจ้าหน้าที่ตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักสวัสดิการครู 3.นายพรเทพ มุสิกวัตร ผู้ทรงคุณวุฒิ ประจำสำนักงาน สกสค. 4.นางมยุรี ตัณฑวัล ผู้อำนวยการกลุ่มการฌาปนกิจสงเคราะห์ช่วยเพื่อนสมาชิกคุรุสภากรณีคู่สมรสถึงแก่กรรม (ช.พ.ส.) 5.นายสุเทพ ริยาพันธ์ ผู้อำนวยการสำนักประจำสำนักงาน สกสค.และ 6.น.ส.กัญญาณัฐ แจ่มมี ผู้อำนวยการสถานพยาบาล สกสค. นอกจากนี้ ยังมีผู้อำนวยการสถานศึกษาในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) อีก 3 ราย และสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) อีก 1 ราย ซึ่งที่ประชุมคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) มีมติเมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2560 พิจารณาอนุมัติลงโทษให้ไล่ออกจากราชการตามที่หน่วยงานต้นสังกัดเสนอ

อ่านรายละเอียดข่าวที่เกี่ยวข้อง : ปิดฉาก.. ‘บิ๊ก’ บิลเลี่ยนฯ คดี..ตั๋วสัญญา 2.5 พันล. ‘นอนคุกยาวฐานปลอมตั๋วเงิน’

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image