สกสค.เตรียมประสาน ขอ 2.5 พันล้านคืน หลัง ปปง. ประกาศยึดทรัพย์ ‘เกษม-พวก’

เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม นายพินิจศักดิ์ สุวรรณรังค์ เลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา(สกสค.) กล่าวถึงกรณี ราชกิจจานุเบกษาได้ประกาศเมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2561 ให้ยึดทรัพย์นายเกษม กลั่นยิ่ง กับพวก โดยมีใจความว่า ประกาศพนักงานเจ้าหน้าที่ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.)  ลงวันที่ 18 กรกฎาคม  2561 เรื่องให้ผู้เสียหายยื่นคำร้องขอคุ้มครองสิทธิจากการกระทำความผิดมูลฐาน ใจความว่า ด้วยคณะอนุกรรมการธุรกรรมได้มีมติครั้งที่ 13/2561 เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม  2561 ให้ยึดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด นายเกษม กลั่นยิ่ง กับพวกไว้ชั่วคราว จำนวน 30 รายการ พร้อมดอกผล มีกำหนดไม่เกิน 90 วัน  กรณีอดีตผู้บริหารสกสค.นำเงินจำนวนมหาศาลถึง 2,500 ล้านบาท ไปซื้อ “ตั๋วสัญญา” กับ บริษัท บิลเลี่ยน อินโนเวเท็ด กรุ๊ป จำกัด เมื่อปี 2556-2557 เพื่อนำไปลงทุนในโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ อ.หนองหญ้าปล้อง จ.เพชรบุรี อย่างไม่โปร่งใส ว่า ตนทราบเรื่องดังกล่าวแล้ว และได้รายงานให้นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) รับทราบแล้วด้วยวาจา ขั้นตอนต่อไปสกสค. จะต้องทำหนังสือประสานเป็นการภายใน ขอทรัพย์ที่ยึดได้ คืนให้สำนักงานสกสค. ส่วนทรัพย์ที่ทางปปง. ยึดมาจำนวนเท่าไรนั้น ตนยังไม่ทราบตัวเลขที่แท้จริง ว่าแต่ละรายการมีมูลค่าเท่าไร

นายพินิจศักดิ์ กล่าวต่อว่า เรื่องนี้เป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมาย  โดยขณะนี้ทางปปง. ยังไม่ได้ส่งหนังสือแจ้ง สำนักงานสกสค. อย่างเป็นทางการ ดังนั้นตนจึงยังไม่สามารถพูดอะไรได้มากนัก โดยหากจำนวนทรัพย์ที่ปปง.ยึดมาได้จากนายเกษม และพวก ไม่เพียงพอต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นนั้น  ตามกระบวนการปปง. จะต้องไปตรวจสอบ ผู้ที่ทำให้เกิดความเสียหายในเรื่องนี้  และดำเนินการยึดทรัพย์ ต่อไป โดยเฉพาะหากตรวจสอบได้ว่า เป็นทรัพย์สินที่ได้จากการร่วมทุจริตในเรื่องนี้ ก็จะต้องดำเนินการทันที

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image