เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม นายชัยณรงค์ กัจฉปานันท์ ผู้จัดการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) เปิดเผยความคืบหน้าการจัดทำโครงการไกล่เกลี่ยเพื่อครูที่ไปค้ำประกันให้กับนักเรียน เพื่อช่วยเหลือครูที่ไปค้ำประกันให้กับนักเรียนจำนวนมาก แต่ไม่แน่ใจว่านักเรียนที่ค้ำประกันให้ชำระหนี้หรือไม่ หรือครูที่ถูกแจ้งบังคับคดีเข้ามาร่วมโครงการว่า ตนทราบว่ามีครูจำนวนมากที่ประสบปัญหาเช่นเดียวกับครูวิภา หรือ น.ส.วิภา บานเย็น ผู้บริหารโรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.กำแพงเพชร ที่ค้ำประกัน กยศ.ให้นักเรียนที่เป็นผู้กู้ยืมตั้งแต่ปี 2541-2542 จำนวน 60 ราย แต่มีลูกศิษย์ค้างชำระหนี้ 21 คน ทำให้ครูในฐานะผู้ค้ำประกันถูกยึดทรัพย์ และล่าสุด กยศ.กับกรมบังคับคดีได้ชะลอการบังคับคดีไว้ก่อน พร้อมกับมีลูกศิษย์ทยอยปิดบัญชีแล้ว 4 ราย เป็นต้น ซึ่งโครงการไกล่เกลี่ยเพื่อครูที่ค้ำประกันให้นักเรียนนั้น เป็นความคิดเบื้องต้นของตน เพราะคิดว่าเป็นหนทางหนึ่งที่จะช่วยเหลือครูได้
นายชัยณรงค์กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตาม ตนจะนำเรื่องนี้ไปพูดคุยกับคณะกรรมการ กยศ.เพื่อปรึกษาหารือถึงแนวทาง ขั้นตอนการดำเนินงานก่อน หากได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการ กยศ.จะเริ่มดำเนินโครงการนี้ทันที คาดว่าภายในเดือนสิงหาคมจะมีความคืบหน้ามากขึ้น
“โครงการนี้ไม่เพียงจะช่วยไกล่เกลี่ยให้ครูเท่านั้น ผมทราบว่ามีกำนันและผู้ใหญ่บ้านที่ประสบปัญหาที่เช่นเดียวกัน คือไปค้ำประกันให้กับนักเรียนเป็นจำนวนมากจนถูกตามยึดทรัพย์ บุคคลเหล่านี้สามารถติดต่อกับ กยศ.โดยตรงเพื่อขอความช่วยเหลือ” นายชัยณรงค์กล่าว
นายชัยณรงค์กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตาม ขั้นตอนการไกล่เกลี่ยหนี้สิน กยศ.จะร่วมมือกับกรมบังคับคดี โดยมีขั้นตอนดังนี้ เมื่อ กยศ.ยึดทรัพย์ผู้กู้ หรือผู้ค้ำประกันแล้ว ทางกรมบังคับคดีจะกำหนดวันขายทอดตลาด หากผู้กู้หรือผู้ค้ำประกันที่ถูกยึดทรัพย์ไม่อยากให้ทรัพย์ของตนถูกขายทอดตลาด ก็เข้ามาไกล่เกลี่ยกับ กยศ.เพื่อขอผ่อนชำระหนี้ เพราะเมื่อดำเนินการทางกฎหมายถึงขั้นตอนนี้แล้ว ผู้กู้หรือผู้ค้ำประกันไม่สามารถหนีได้แล้ว เมื่อผู้กู้หรือผู้ค้ำประกันมาทำข้อตกลงกับ กยศ. ทาง กยศ.จะชะลอการขายทรัพย์ไว้ชั่วคราว เมื่อผู้กู้หรือผู้ค้ำประกันหาเงินมาจ่ายในเวลาที่กำหนด กยศ.จะถอนการยึดทรัพย์ต่อไป” นายชัยณรงค์กล่าว
นายชัยณรงค์กล่าวต่อว่า ส่วนข่าวที่ออกมาทำให้หลายฝ่ายกังวลว่าต่อไปครูจะไม่ค้ำประกันให้นักเรียนอีกแล้ว เพราะกลัวเดือดร้อนอย่างครูวิภานั้น เชื่อว่าเรื่องนี้ไม่มีผลกระทบ หรือไม่มีข้อกังวลใจอะไรมากนัก เพราะหลังจากที่ กยศ.เริ่มเก็บข้อมูลตั้งแต่ปี 2551 พบข้อมูลว่ามีจำนวนครูค้ำประกัน กยศ.น้อยมาก ส่วนใหญ่ที่พบคือพ่อแม่เป็นคนค้ำประกัน และ กยศ.จะจัดแถลงข่าวให้ทราบถึงข้อมูลจำนวนผู้ค้ำประกันในแต่ละอาชีพอีกครั้งหนึ่ง
