ปรับทีแคสรอบ 3เลือกได้ 6อันดับ ร่นกระบวนการคัดปี62เหลือ6ด.ครึ่ง ศธ.เล็งโอนก.อุดมฯ คุมทั้งระบบ (คลิป)

เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม ที่สำนักงานคณะกรรมการอุดมศึกษา (สกอ.) นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการศึกษาธิการ(ศธ.) เปิดเผยภายหลังเป็นประธานประชุมหน่วยงานที่จัดส่งข้อมูลของนักเรียนเข้าสู่ระบบคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาในสถาบันอุดมศึกษา ปีการศึกษา 2562 หรือทีแคส ปี 2562 ว่า วันนี้ ศธ.และที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) ได้ถอดบทเรียนทั้งหมดจากการประชาพิจารณ์ และรวมรวบประเด็นปัญหาของทีแคสปี 2561 เพื่อแก้ไขปัญหาในทุกเรื่อง

นพ.ธีระเกียรติ กล่าวว่า ตนมองว่าระบบทีแคสเป็นระบบที่ดีและต้องดำเนินการต่อไป อย่างไรก็ตามการดำเนินงานต่อไปทุกภาคส่วนจะต้องคำนึงถึงประโยชน์ของนักเรียนเป็นหลัก ตนสั่งการให้ ศธ.จัดตั้งศูนย์ข้อมูลเพื่อการศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษา เบื้องต้นตนมอบมหายให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เป็นหลักในการดูแลศูนย์ดังกล่าว อย่างไรก็ตามการทำงานของศูนย์นี้จะประสานกับหลายหน่วยงานหลายกระทรวง จุดนี้ตนต้องกลับไปดูระเบียบก่อนว่าจะให้ใครเป็นหน่วยประสานงาน

“ศูนย์ข้อมูลฯ ทำหน้าที่รวบรวมข้อมูลนักเรียนม.6 หรือเทียบเท่า และการประมวลผล จะทำที่ส่วนกลางทั้งหมดเพื่อความยุติธรรมในเรื่องคะแนน เช่น ผลการเรียนเฉลี่ยสะสมตลอดหลักสูตรมัธยมศึกษาตอนปลาย(GPAX) การจัดแบบฟอร์มการจบที่ไม่เหมือนกันของแต่ละโรงเรียน เป็นต้น ศูนย์นี้จะพัฒนาฐานข้อมูลนักเรียนทั้งหมดเพื่อประสานกับ ทปอ. โดยตรง และมีผู้อำนวยการโรงเรียน เป็นผู้รับผิดชอบในการส่งข้อมูลให้ส่วนกลาง” นพ.ธีระเกียรติ กล่าว

นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ อธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ในฐานะประธานที่ประชุม ทปอ. กล่าวว่า ทปอ. ได้ถอดบทเรียนของปีที่ผ่านมา และยอมรับว่า ทีแคส 2561 นั้น ยังประสบปัญหาด้านความเหลื่อมล้ำอยู่ วันนี้ทปอ.ได้เรียนรู้จากบทเรียนนี้แล้ว แต่อย่างไรก็ตามเรื่องที่จะดูแลนักเรียนกว่าครึ่งล้านคน คงไม่มีระบบไหนที่จะสมบูรณ์ และสามารถดูแลให้ทุกคนพึงพอใจได้ทั้งหมด แต่ศธ. และทปอ. ยืนยันว่าจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อลดความเลื่อมล้ำที่เกิดขึ้นในระบบการศึกษาของไทย และอยากให้นักเรียน ม.6 ได้เรียนจบก่อนกระบวนการสอบเข้ามหาวิทยาลัย ถือเป็นความมุ่งมั่นที่ ทปอ.จะดำเนินการต่อไป ส่วนการแก้ไขปัญหาระบบทีแคสปี 2562 นายชูศักดิ์ ลิ่มสกุล อธิการบดีมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (ม.อ.) ในฐานะประธานคณะกรรมการการพัฒนาระบบทีแคส ได้ออกแบบขั้นตอนทีแคสปี 2562 โดยจะคงไว้ 5 รอบเหมือนเดิม คือ รอบที่ 1 แฟ้มสะสมงาน หรือพอร์ตฟอลิโอ รอบที่ 2 โควต้า รอบที่ 3 การรับตรงร่วมกัน รอบที่ 4 แอดมิสชั่นส์ และรอบที่ 5 การรับตรงแบบอิสระ

Advertisement
สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์

“ทีแคสปี 2562 จะมีการเปลี่ยนแปลงในส่วนของการรับนักเรียน รอบที่ 3 การรับตรงร่วมกัน โดยรอบที่ 3 จากปีที่แล้ว ให้นักเรียนเลือก 4 อันดับ โดยนักเรียนมีโอกาสติดทั้งหมด 4 อันดับ ทำให้เกิดปัญหาการกั๊กที่ ในการประชุมครั้งนี้ ได้ความชัดเจนแล้วว่า ต่อไปทีแคสรอบ 3 รับตรงร่วมกัน จะเป็นการเรียงคะแนน และจากที่เลือกได้ 4 อันดับ นักเรียนจะสามารถเลือกเพิ่มเป็น 6 อันดับ ซึ่งคาดว่าจะสามารถแก้ปัญหาการกั๊กที่ในรอบที่ 3 ได้ ส่วนนักเรียนในกลุ่มสถาบันแพทยศาสตร์แห่งประเทศไทย (กสพท) ยังคงอยู่ในรอบที่ 3 เพราะไม่ว่านักเรียนที่สมัครในรอบที่ 3 จะเลือกคณะสาขาในกลุ่ม กสพท หรือไม่เลือกเลย นักเรียนทุกคนจะเลือกได้ 6 อันดับเท่ากัน ทั้งนี้ ในการเรียงลำดับคะแนนรอบที่ 3 จะเป็นการทำงานร่วมกันระหว่าง ทปอ. และมหาวิทยาลัย โดยมหาวิทยาลัยจะทำการเรียงลำดับของ คณะ สาขาวิชา และส่งข้อมูลมายัง ทปอ. เพื่อให้ ทปอ.ดูแลการเรียงลำดับคะแนนในภาพรวมต่อไป” นายสุชัชวีร์ กล่าวและว่า ส่วนเรื่องระยะเวลาการเปิดรับสมัคร ขณะนี้ยังไม่ได้ข้อสรุป เบื้องต้นปีที่ผ่านมาระยะเวลาในการคัดเลือก 10 เดือนด้วยกัน คือตั้งแต่เดือนตุลาคม 2560 – กรกฎาคม 2561 แต่ทีแคสปี 2562 คาดว่าจะลดเวลาเหลือ 6 เดือนครึ่ง ซึ่งตนเชื่อว่าหากลดเวลา การดำเนินงานการจัดการจะต้องดีกว่าปีที่แล้ว ส่วนรายละเอียดเพิ่มเติม ทปอ.จะจัดแถลงข่าวอีกครั้งหนึ่ง

นพ.อุดม คชินทร

รัฐมนตรีช่วยว่าการศธ. กล่าวว่า วันนี้ ศธ.และทปอ.ได้ข้อสรุปชัดเจนว่า ยังคงระบบทีแคสไว้อยู่ เพราะเป็นระบบที่ดีที่สุดในการคัดเลือกนักเรียนเข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัยที่ตอบโจทย์ทั้งนักเรียนและมหาวิทยาลัย โดยนักเรียนสามารถเลือกที่เรียนได้ตามความต้องการ และมหาวิทยาลัยเองมีสิทธิเลือกนักเรียนได้ตรงความต้องการเช่นกัน เพียงแต่ที่ผ่านมามีข้อบกพร่องทางเทคนิค แต่ขอยืนยันว่าศธ.และทปอ.จะปิดช่วงโหว่แก้ไขปัญหานี้แน่นอน

“นอกจากการหารือเรื่องทีแคสแล้ว ประเด็นที่หารือร่วมกันอีกประเด็น คือเรื่องข้อสอบเพื่อจะตอบโจทย์การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในอนาคตและตอบสนองเป้าหมายของประเทศ ต่อไปข้อสอบจะต้องเน้นเรื่องการวัดความถนัดและสมรรถนะให้มากขึ้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการปรับข้อสอบ โดยต้องแยกให้ชัดเจนว่า การวัดความถนัดและสมรรถนะนั้นสำคัญที่สุด ส่วนเรื่องวิชาการไม่ใช่เรื่องสำคัญเท่าไร เพราะอนาคตความรู้ทางวิชาการอาจล้าสมัยได้ โดยสิ่งที่ศธ.กำลังจะปรับ เช่น ข้อสอบความถนัดทั่วไปหรือ (GAT) และความถนัดทางวิชาการ/วิชาชีพ (PAT) ซึ่งที่ประชุมวิเคราะห์แล้วว่าข้อสอบเหล่านี้ไม่ตอบโจทย์ความต้องการทั้งหมด จำเป็นที่ต้องปรับเปลี่ยนใหม่” นพ. อุดม กล่าว

Advertisement

นพ.อุดม กล่าวต่อว่า ตนเห็นใจ ทปอ.อย่างมากที่รับทำงานนี้ เนื่องจากทปอ.ไม่ได้เป็นหน่วยงานที่มีกฎหมายรองรับ การติดต่อประสานข้อข้อมูลจากหน่วยงานอื่นทำได้อย่างจำกัด และการคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาในสถาบันอุดมศึกษาเป็นงานที่ใหญ่มาก รัฐมนตรีว่าการศธ.จึงมีนโยบายว่าต่อไปกระทรวงการอุดมศึกษาที่กำลังเกิดขึ้นใหม่ ต้องรับดูแลเรื่องการรับสมัครบุคคลเข้าศึกษาในอุดมศึกษามาเป็นงานถาวร เนื่องจากงานนี้เป็นงานใหญ่ และมีหลายกระทรวงที่เข้ามาเกี่ยวข้อง ต้องมีหน่วยงานที่ดูแลอย่างจริงจัง

ชูศักดิ์ ลิ่มสกุล

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image