เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม นายสมศักดิ์ ดลประสิทธิ์ รองเลขาธิการสภาการศึกษา(สกศ.) ในฐานะปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการคุรุสภา เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการคุรุสภา ที่มีนพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เป็นประธาน วันที่ 9 สิงหาคมนี้ ที่ประชุมพิจารณาแต่งตั้งคณะกรรมการมาตรฐานวิชาชีพ(กมว.) ตามที่ หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มีคำสั่งหัวหน้าคสช. ที่ 11/2561 เรื่อง การแก้ไของค์ประกอบของคณะกรรมการมาตรฐานวิชาชีพ ตามกฎหมายว่าด้วยสภาครูและบุคลากรทางการศึกษา โดยจะมีคณะกรรมการทั้งหมด 17 ราย ประกอบด้วย ประธานกรรมการ ซึ่งรัฐมนตรีว่าการศธ. จะคัดเลือกบุคคลที่มีความรู้ ความเชี่ยวชาญ และมีประสบการณ์เกี่ยวกับวิชาชีพครูและบุคลากรทางการศึกษา กรรมการโดยตำแหน่ง 5 ราย ได้แก่ เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (กอศ.) เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (กช.) เลขาธิการสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย( กศน.) และเลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ 4 ราย ซึ่งสำนักงานเลขาธิการคุรุสภา เสนอชื่อ ได้แก่ ผู้เชี่ยวชาญด้านการศึกษา 2 ราย ผู้เชี่ยวชาญด้านบริหาร 1 ราย และผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมาย 1 ราย กรรมการจากคณะครุศาสตร์/ศึกษาศาสตร์ 2 ราย และกรรมการจากผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา 4 ราย โดยให้เลขาธิการคุรุสภา เป็นกรรมการและเลขานุการ
นายสมศักดิ์ กล่าวต่อว่า เมื่อได้ กมว. ครบองค์ประกอบแล้ว คาดว่า จะเสนอให้มีการประชุมนัดแรกภายในเดือนสิงหาคมนี้ เพื่อเร่งพิจารณากรณีจรรยาบรรณทางวิชาชีพต่าง ๆ ซึ่งทางสำนักงานเลขาธิการคุรุสภา ได้ดำเนินการสืบสวนข้อเท็จจริง เรียบร้อยแล้ว กว่า 100 ราย โดยในจำนวนนี้ มีกรณีผิดจรรยาบรรณอย่างร้ายแรง มีโทษพักและเพิกถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูกว่า 10 ราย ส่วนใหญ่เป็นกรณีที่สังคมให้ความสนใจ เช่น กรณีนายปรีชา ใคร่ครวญ ครูโรงเรียนเทพมงคลรังสี สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา (สพม.) เขต 8 กาญจนบุรี ผู้ต้องหาคดีอาญาฐานแจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงาน กรณีสลากกินแบ่งรัฐบาลหรือหวย 30 ล้าน และกรณี นายณฐาภพ บุญทองโท อายุ 51 ปี ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านป่าตองท่าเนินสามัคคี อ.บัวใหญ่ จ.นครราชสีมา ถูกร้องเรียนมีพฤติกรรมชู้สาวกับเด็กนักเรียนหญิงชั้น ม.2 อายุ 14 ปีโรงเรียนเดียวกัน โดยมีหลักฐานการแชตพูดคุยกันทางไลน์ของทั้งคู่ ซึ่งสนทนากันในเชิงชู้สาวข้อความหวานซึ้ง ต่างฝ่ายต่างเรียกกันและกันว่า ที่รัก ขณะที่ตัวของ ผอ.โรงเรียน ก็เรียกน้องนักเรียนหญิงว่า เมีย ซึ่งเรื่องเกิดขึ้นช่วงต้นเดือนมกราคม 2561 ศึกษาธิการจังหวัด มีมติเป็นเอกฉันท์เสนอ ลงโทษวินัยร้ายแรง เป็นต้น ส่วนที่เหลืออีกกว่า 90 ราย เป็นกรณีผิดจรรยาบรรณไม่ร้ายแรง
“โดยขั้นตอนเมื่อคุรุสภา ตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงแล้วทำการสรุปผล จะต้องนำข้อสรุปเสนอให้กมว. ซึ่งมีหน้าที่ในการกำกับดูแลมาตรฐานวิชาชีพ พิจารณาแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัย สำหรับโทษกรณีที่ถือเป็นโทษผิดจรรยาบรรณอย่างร้ายแรง จะเกี่ยวข้องกับกา 4 กรณีหลัก คือ ทุจริตต่อหน้าที่ ชู้สาว ล่วงละเมิดทางเพศ และยาเสพติด มีโทษเบาสุดคือพักใบอนุญาตฯ หนักสุด คือ เพิกถอนใบอนุญาตฯ ”นายสมศักดิ์กล่าว
