เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวถึงกรณีที่ นายรังสิมันต์ ยาละ ผู้อำนวยการโรงเรียนไทรน้อย ยื่นฟ้อง คณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) กับศาลปกครองกลางให้เพิกถอนหลักเกณฑ์การย้ายผู้บริหารสถานศึกษาสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ตาม ว24/2560 กรณีกำหนดคุณสมบัติของผู้ยื่นคำร้องขอย้ายตามข้อ 1.1และข้อ 1.3ใหม่ ตามว 24 ดังนี้ 1.1 ผู้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสถานศึกษา หรือรองผู้อำนวยการสถานศึกษาและได้ปฏิบัติงานในตำแหน่งดังกล่าว ในสถานศึกษาปัจจุบันติดต่อกันมาแล้วไม่น้อยกว่า 24 เดือน นับถึงวันที่ 30 กันยายนของปีที่ยื่นคำร้องขอย้าย ทำให้ผู้บริหารสถานศึกษาที่ได้รับการพิจารณาย้ายในรอบการย้ายปี 2559 ทั่วประเทศจะไม่สามารถเขียนคำร้องขอย้ายในรอบปี 2561 ได้ทุกคน อย่างเท่าเทียมกัน เพราะบางเขตพื้นที่ฯ ดำเนินการย้ายเรียบร้อย ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2559 แต่บางเขตพื้นที่ฯ ย้ายเสร็จในเดือนพฤศจิกายน 2559 หากกำหนดให้นับถึงวันที่ 30 กันยายนของปีที่ยื่นคำร้องขอย้าย ก็จะทำให้ผู้ที่ย้ายในเดือนพฤศจิกายน 2559 เสียสิทธิในการย้ายรอบนี้ทันที โดยทางก.ค.ศ. รอหนังสือจากศาล เพื่อส่งคำชี้แจง ว่า ตนยังไม่ทราบรายละเอียด ต้องรอฟังการพิจารณาจากศาลก่อน ซึ่งหากศาลมีคำสั่งออกมาก็อาจจะเป็นเฉพาะกรณีนั้น ๆ
นายบุญรักษ์ ยอดเพชร เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) กล่าวว่า เรื่องนี้คงต้องรอการพิจารณาของศาลก่อน ตนคงให้ความเห็นอะไรไม่ได้ เพราะการดำเนินการต่าง ๆ ต้องเป็นมติก.ค.ศ. สพฐ. เป็นเพียงหน่วยที่ต้องปฏิบัติตามมติของก.ค.ศ. อย่างไรก็ตามหลังก.ค.ศ. มีมติให้ยกเลิกมติชะลอการย้ายผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสพฐ.และเห็นชอบแนวทางการดำเนินการพิจารณาย้ายผู้บริหารสถานศึกษา ตามหลักเกณฑ์ ว 24/2560 ไปเมื่อกลางเดือนเมษายน 2561 เนื่องจากศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งกลับคำสั่งศาลปกครองชั้นต้น ซึ่งศาลปกครองอุบลราชธานี วินิจฉัยการอุทธรณ์คำสั่งศาลปกครองอุบลราชธานีที่สั่งทุเลาการบังคับใช้ข้อ 10 และ ข้อ 11 ของ ว24/2560 ซึ่งนายเฉลิมเกียรติ แก้วกนก ผู้ฟ้องคดี นั้นสพฐ.ได้ดำเนินการย้ายผู้บริหารสถานศึกษา ซึ่งดำเนินการค้างไว้ตั้งแต่ปี 2559 รวม 66 จังหวัด เรียบร้อยแล้วตั้งแต่วันที่ 16 พฤษภาคม ตามกรอบเวลาที่กำหนด โดยขณะนี้ผู้บริหารที่ประสงค์ขอย้ายเดินทางไปปฏิบัติหน้าที่ในโรงเรียนเรียบร้อยแล้ว ขณะนี้อยู่ในช่วงของการเขียนคำร้องขอย้ายประจำปี 2561 ซึ่งกำหนดให้ยื่นคำร้องในช่วงวันที่ 1-15 สิงหาคมของทุกปี ถือว่าขั้นตอนต่าง ๆ ยังดำเนินการไปตามปกติ ไม่มีอะไรสะดุด
ผู้สื่อข่าวถามว่า การฟ้องในครั้งนี้จะมีผลกับการย้ายผู้อำนวยการสถานศึกษาในรอบที่ผ่านมาหรือไม่ นายบุญรักษ์กล่าวว่า ไม่มีผล เพราะการย้ายรอบที่แล้ว เป็นไปตามคำสั่งศาลปกครองสูงสุด อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ตนยังไม่ได้หารือ กับนพ.ธีระเกียรติ แต่โดยหลักการถ้ามีเรื่องการฟ้องร้องที่เกี่ยวกับระเบียบหลักเกณฑ์ ก.ค.ศ.จะพิจารณาแนวปฏิบัติ ถ้ายังไม่มีการพิจารณา แนวปฏิบัติที่ทำอยู่ก็ต้องเดินหน้าต่อไป ทั้งนี้หากศาลมีคำสั่ง แล้วต้องชะลอการย้ายครั้งนี้อีกหรือไม่นั้น ตนคงตอบไม่ได้
“การฟ้องถือเป็นสิทธิส่วนบุคคล เขาฟ้องด้วยสิทธิของเขา ไม่ใช่เรื่องของการปกครอง หากสพฐ. เขาไปยุ่ง หรือไปห้าม จะถือว่า ทำตัวไม่เหมาะสม ส่วนที่ผู้บริหารสถานศึกษาหลายคนอยากให้ปรับแก้แก้การย้ายตาม ว24 หรือเสนอให้กลับไปใช้ว9 นั้น เป็นสิทธิที่จะมีความเห็นได้ แต่หลายคนก็อาจมีความเห็นไปหลายอย่าง แต่อะไรคือ แนวทางที่ดีที่สุดจะเป็นอย่างไรนั้น คงบอกไม่ได้ สพฐ. มีหน้าที่ปฏิบัติตามแนวทางของก.ค.ศ. โดยขณะนี้ได้กำหนดปฏิทินการสอบคัดเลือกบุคคลเพื่อบรรจุและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสถานศึกษา สังกัดสพฐ. ไว้แล้ว ซึ่งจะเร่งดำเนินการจัดสอบในเดือนตุลาคม ส่วนการฟ้องครั้งนี้จะมีผลให้ต้องชะลอการย้ายหรือสอบ หรือไม่นั้น คงต้องรอดู เพราะโดยความจำเป็น สพฐ. ต้องเร่งสอบบรรจุแต่งตั้งผู้บริหารสถานศึกษาอยู่แล้ว และศาลเอง อาจจะไม่มีความเห็นเช่นเดียวกับผู้ฟ้อง ดังนั้นเราก็เดินหน้าต่อ เพราะเป้าหมายคือ ต้องหาผู้บริหารสถานศึกษาให้เร็วที่สุด”นายบุญรักษ์กล่าว