กสศ.หาช่องระดมเงินช่วยเด็กจน หลังถูกหั่นงบปี’62 ลุ้นรัฐบาลไฟเขียวลดหย่อนภาษี 2 เท่าให้ผู้บริจาค

ดร.ประสาร ไตรรัตน์วรกุล ประธานกรรมการบริหารกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) เปิดเผยภายหลังการประชุม กสศ.ครั้งที่ 6/2561 ว่า ที่ประชุมได้พิจารณาปรับปรุงแผนปฏิบัติการปีงบประมาณ 2561 และ 2562 ภายหลังคณะรัฐมนตรีมีมติปรับลดงบปี 2561 จาก 636 ล้านบาท เหลือ 499.187 ล้านบาท ส่วนงบปี 2562 กสศ.เสนอขอรับงบจากการแปรญัตติ 5,949.75 ล้านบาท ที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) อนุมัติงบ 2,537.365 ล้านบาท ลดลง 57% จากที่ขอไป กสศ.จึงปรับแผนการจัดสรรงบให้เกิดความคุ้มค่า

“แม้ต้องลดจำนวนกลุ่มเป้าหมายลงทุกกลุ่ม แต่ภาพรวมปีงบ 2562 จะมีเด็กและเยาวชนไม่น้อยกว่า 1,485,390 คน ได้รับการติดตาม ช่วยเหลือ จากปัญหาการขาดแคลนทุนทรัพย์ หรือสร้างความเสมอภาคทางการศึกษา โดย กสศ.จะให้น้ำหนักไปที่การพัฒนาองค์ความรู้เพื่อการจัดการเชิงระบบเพื่อแก้ไขปัญหาระยะยาวที่ยั่งยืน การเตรียมการระดับนโยบาย และการส่งเสริมสนับสนุนหน่วยบริการต่างๆ เพื่อสร้างความเสมอภาคทางการศึกษาที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น” ดร.ประสาร กล่าว

ดร.ประสารกล่าวอีกว่า ยุทธศาสตร์สำคัญอีกเรื่องของ กสศ.คือการให้ทุนโอกาสทางการศึกษาที่สอดคล้องกับเป้าหมายของประเทศ โดยสนับสนุนทุนสร้างโอกาสการศึกษาแบบให้เปล่าในกลุ่มเป้าหมายระดับอาชีวศึกษา นักเรียนมัธยมปลายในพื้นที่ห่างไกลได้เรียนครู และทุนโอกาสทางการศึกษาระดับสูง ทุนเหล่านี้มุ่งเน้นกลุ่มนักเรียนที่มีผลการเรียนดี แต่ขาดโอกาสในการศึกษาต่อ โดย กสศ.วางระบบการติดตามประเมินผลอย่างใกล้ชิด ซึ่งกลุ่มเป้าหมายตามผลการคัดกรองนักเรียนยากจนในปีการศึกษา 1/2561 ที่ กสศ.จัดทำร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) มี 569,000-621,000 คน คาดว่าจะเบิกจ่ายได้ภายในต้นเดือนธันวาคมนี้

“แม้ได้รับงบน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ กสศ.จะหาช่องทางระดมทรัพยากรอื่นๆ ตามที่กฎหมายเปิดโอกาสไว้ เช่น ระดมเงินบริจาคจากประชาชน และนิติบุคคล ซึ่งขณะนี้ยังรอกรมสรรพากรเสนอร่างพระราชกฤษฎีกาแก่รัฐบาล เพื่อให้ กสศ.ให้สิทธิลดหย่อนภาษี 2 เท่าแก่ผู้บริจาคได้อยู่” ดร.ประสาร กล่าว

Advertisement

ดร.ประสารกล่าวอีกว่า ที่ประชุมยังเห็นชอบระเบียบสำคัญๆ เช่น ระเบียบว่าด้วยการบริหารงานบุคลากร ระเบียบว่าด้วยหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และลำดับความสำคัญในการจัดสรรเงิน ระเบียบว่าด้วยหลักเกณฑ์ในการตรวจสอบข้อมูลและการช่วยเหลือกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งมีประเด็นสำคัญเกี่ยวกับเกณฑ์การขาดแคลนทุนทรัพย์ และระดับความรุนแรง โดยให้พิจารณาจากข้อมูลรายได้ และข้อมูลสถานะครัวเรือน โดยให้นำค่าครองชีพในแต่ละพื้นที่มาประกอบการพิจารณาด้วย นอกจากนี้ ยังกำหนดรายการช่วยเหลือที่ กสศ.สนับสนุนได้ อาทิ ค่าเล่าเรียน ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวเนื่องกับการศึกษา ค่าใช้จ่ายในการเตรียมความพร้อมของเด็กเพื่อสามารถกลับเข้าสู่ระบบการศึกษา ค่าเลี้ยงดูเด็กเล็กสำหรับครอบครัว ค่าใช้จ่ายในการเดินทางมาเรียน ค่าอาหาร ค่าครองชีพระหว่างเรียน ค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรม ทุนเพื่อฝึกอบรม ค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรมทักษะอาชีพสำหรับผู้ขาดแคลนทุนทรัพย์ หรือด้อยโอกาส

“ระเบียบทั้งหมดนี้ กสศ.ได้พิจารณาอย่างรอบคอบ รัดกุม เพราะจะมีผลสำคัญต่อการวางรากฐานการทำงานของ กสศ.ส่งผลต่อความเชื่อมั่นในระบบการทำงานของกองทุนที่โปร่งใสมีธรรมาภิบาล เพื่อแก้ปัญหาได้อย่างยั่งยืน โดยก้าวสำคัญในช่วงเดือนตุลาคมนี้ กสศ.จะร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการ จัดกระบวนการตรวจสอบข้อมูลกลุ่มเป้าหมายทั้ง 620,000 คน ด้วยระบบสารสนเทศเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา หรือ iSEE เพื่อพิสูจน์ให้สังคมมั่นใจว่าการสนับสนุนรอบแรกของ กสศ.ที่จะมีขึ้นในช่วงเดือนธันวาคม สามารถช่วยเหลือนักเรียนที่ยากจนที่สุดเพิ่มเติมจากที่หน่วยงานอื่นดำเนินการอยู่ในขณะนี้ ซึ่งจะเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เด็กและเยาวชนเหล่านี้ ไม่ต้องหลุดออกจากระบบการศึกษา” ดร.ประสาร กล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image