‘บิ๊กจิน’ เรียกเลขาฯ กกอ.แจงปมอธิการฯจากผู้เกษียณ ‘หมอธี’ ตีกลับ 3 ว่าที่อธิการฯ เกิน 60 ปีแล้ว

กรณีนพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) สั่งการให้สภามหาวิทยาลัยโดยเฉพาะมหาวิทยาลัยรัฐที่เป็นส่วนราชการทั่วประเทศ 58 สถาบัน แก้ไขปัญหากรณีอธิการบดี/รักษาการอธิการบดี ที่สภาแต่งตั้งมาจากผู้เกษียณอายุราชการ หรืออายุเกิน 60 ปี โดยให้ยึดคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุดเป็นบรรทัดฐาน ที่ได้พิพากษากรณีของมหาวิทยาลัยราชภัฏ (มรภ.) กาญจนบุรี ว่าอธิการบดี/รักษาการบดีมหาวิทยาลัยรัฐที่เป็นส่วนราชการ จะอายุเกิน 60 ปีไม่ได้ โดยในส่วนของมหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี (มรส.) นายชูศักดิ์ เอกเพชร อายุ 67 ปี รักษาการอธิการบดี มรส.ได้แสดงสปิริตประกาศลาออกจากตำแหน่งเพื่อปฏิบัติตามคำสั่งของศาลปกครองสูงสุดแล้ว ขณะที่นายรัฐกรณ์ คิดการ ประธานที่ปรึกษาที่ประชุมประธานสภาคณาจารย์และข้าราชการแห่งประเทศไทย (ทปสท.) เรียกร้องให้ นพ.ธีระเกียรติใช้อำนาจตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ออกตามมาตรา 44 ที่ 39/2559 เรื่องการจัดระเบียบและแก้ไขปัญหาธรรมาภิบาลในสถาบันอุดมศึกษา โดยสั่งการให้สภาถอดถอนอธิการบดีอายุเกิน 60 ปีขึ้นไป ออกจากตำแหน่ง ไม่เช่นนั้นถือว่าละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 นั้น

เมื่อวันที่ 24 กันยาน นพ.ธีระเกียรติ เปิดเผยว่า พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี ได้เรียกนายสุภัทร จำปาทอง เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา(กกอ.) เข้าพบเพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาเรื่องนี้แล้ว ซึ่งเท่าที่ดูเริ่มจะมีทางออก ส่วนผู้ที่อายุเกิน 60 ปีและอยู่ระหว่างรอนำชื่อขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นอธิการบดีนั้น ตนบอกไปแล้วว่า ถ้าอายุเกิน 60 ไม่นำรายชื่อขึ้นทูลเกล้าฯ เพราะช่วงนี้ถือว่า อยู่ระหว่างมีข้อขัดแย้งกันอยู่ ซึ่งผู้ที่อออกมาเรียกร้องให้ตนไปปลดอธิการบดีที่มีอายุเกิน 60 ปีออกจากตำแหน่งนั้น ตนก็ได้ย้ำไปแล้วว่า ทำไม่ได้ คำสั่งสั่งคสช.ที่ 39/2559 นั้น เป็นเป็นการแก้ปัญหาเรื่องธรรมาภิบาล แต่อธิการบดีเหล่านี้มาตามข้อบังคับเดิมถูกต้อง ถ้าไปบอกให้ปลดออก ถือว่าตนทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ทันที

“ส่วนที่ว่าหากผมไม่สั่งปลดอธิการบดีที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ในปัจจุบัน จะถือว่าผิดประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 นั้น คนที่จะฟ้องมาตรา 157 ผมได้ คือคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ต้องไปฟ้องป.ป.ช.ว่าผมทำผิดอะไร แต่ถ้าฟ้องผิด และเป็นการหมิ่นประมาทผมๆ จะฟ้องหมิ่นประมาทแจ้งความเท็จ ดังนั้นอยากให้ดูด้วย ทุกอย่างต้องทำตามกฎหมาย อย่ามาขู่ผม เราพยายามแก้ปัญหา อย่ามาขู่” นพ.ธีระเกียรติกล่าว และว่า ส่วนข้อเสนอของนายสุภัทร ที่ได้หารือกับนายกสภาฯ แล้วส่งให้ตนพิจารณานั้น เป็นข้อเสนอทางกฎหมาย ไม่ใช่หมายความว่าตนเลือกทางใด แต่ทุกอย่างต้องเป็นไปตามกฎหมาย

นายสุภัทร กล่าวว่า ตนได้นำข้อมูลที่เกี่ยวข้องเสนอ พล.อ.อ.ประจิน ได้รับทราบ ซึ่งได้สั่งการบ้านให้ไปดูรายละเอียด โดยให้ไปดูว่ามหาวิทยาลัยทั้งหมด 82 แห่ง แบ่งเป็นมหาวิทยาลัยรัฐ 58 แห่ง มหาวิทยาลัยในกำกับหรือมหาวิทยาลัยนอกระบบ 24 แห่ง อธิการบดีแต่ละแห่งเป็นอย่างไรบ้าง มีปัญหาหรือไม่ รวมถึงวิเคราะห์ข้อกฎหมาย ทั้งพ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา พ.ร.บ.จัดตั้งมหาวิทยาลัยของแต่ละแห่ง พ.ร.บ.บำเหน็จบำนาญข้าราชการ ฯลฯ เพื่อนำข้อมูลการเปรียบเทียบทั้งหมดเสนอให้นพ.ธีระเกียรติ และพล.อ.อ.ประจิน รับทราบ โดยจะเร่งสรุปข้อมูลให้แล้วเสร็จภายใน 7 วัน ส่วนแนวทางแก้ไขปัญหา ซึ่งตนได้หารือร่วมกับนายกสภาและเสนอให้รัฐมนตรีว่าการศธ.พิจารณานั้น ขณะนี้รัฐมนตรีว่าการศธ.ยังไม่ส่งเรื่องกลับมา ซึ่งตนได้ส่งให้พิจารณา 3 เรื่องใหญ่และในนั้นจะมี 4 เรื่องย่อย ๆ ซึ่งเป็นข้อเสนออื่น ๆ ส่วน 3 ข้อใหญ่ที่เสนอ คือ กรณีอธิการบดีที่อายุเกิน 60 ปีและอยู่ระหว่างปฏิบัติหน้าที่จะทำอย่างไร ผู้ที่อยู่ระหว่างรอนำรายชื่อขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งจะทำอย่างไร และวิธีแก้ปัญหาระยะยาว จะทำอย่างไร โดยทั้งหมดต้องอิงกับข้อกฎหมาย

Advertisement

“พล.อ.อ.ประจิน เรียกพบ เพราะอยากรู้ข้อเท็จจริงของปัญหาที่เกิดขึ้น และช่วยวิเคราะห์แนวทางแก้ปัญหา ย้ำว่าการแก้ปัญหาทุกอย่าง ต้องดูให้เป็นไปตามข้อกฎหมาย และเจตนารมณ์ที่กฎหมายต้องการ ทั้ง พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา(ก.พ.อ.) พ.ร.บ.จัดตั้งมหาวิทยาลัย พ.ร.บ.บำเหน็จบำนาญข้าราชการ ฯลฯ เพราะมีความเชื่อมโยงกัน ต้องไปดูเจตนารมณ์ของจดหมายแต่ละฉบับ เพราะบางข้อ เขียนไว้ในกฎหมาย แต่สามารถตีความได้กว้าง ขณะเดียวกันต้องพิจารณาคำตัดสินของศาลปกครองสูงสุด กรณีของมรภ.กาญจนบุรี มาประกอบด้วย” นายสุภัทร กล่าว และว่า ส่วนอธิการบดีที่รอนำรายชื่อขึ้นทูลเกล้าฯ นั้น ขณะนี้มีมหาวิทยาลัยเสนอรายชื่อผู้เหมาะสมเป็นอธิการบดี ขึ้นทูลเกล้าฯ จำนวน 10 กว่าแห่ง ในจำนวนนี้มีผู้ที่อายุเกิน 60 ปี ประมาณ 3 แห่ง ซึ่งรัฐมนตรีว่าการศธ.ได้สั่งการมาแล้วว่าให้ส่งเรื่องกลับให้สภาทบทวน ซึ่งสกอ.ก็ต้องดำเนินการตามขั้นตอน อย่างไรก็ตามในภาพรวมตนได้นำเรื่องนี้หารือกับนายกสภาครั้งที่ผ่านแล้ว ซึ่งในภาพรวมนายกสภาทุกคนไม่เห็นด้วย เพราะข้อบังคับไม่ได้กำหนดไว้ แต่รัฐมนตรีว่าการศธ. ก็สามารถใช้อำนาจสั่งการยับยั้งได้

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image