ชี้’อจ.’ต้องเลิกเป็นมนุษย์ถ้ำ-รับเปลี่ยนแปลง เผยนโยบายไทยแลนด์4.0 ไม่ง่าย-แค่ลมปาก (คลิป)

เมื่อวันที่ 26 กันยายน ที่อาคารพลตำรวจเอกเภา สารสิน มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง (มฟล.) นายวันชัย ศิริชนะ อธิการบดี มฟล.กล่าวในพิธีเปิดงาน “มหกรรม 20 ปี แม่ฟ้าหลวงวิชาการ” ระหว่างวันที่ 26-27 กันยายน ว่า อาจารย์มหาวิทยาลัยส่วนใหญ่เป็นมนุษย์ถ้ำ อยู่ในถ้ำ ดูเฉพาะเรื่องที่สนใจ วิสัยทัศน์แคบ ทำประโยชน์เฉพาะเรื่องที่เรียนมา ถ้าอาจารย์และนักศึกษาวิสัยทัศน์แคบ เจาะจงเฉพาะเรื่องที่สนใจ ก็อยู่ได้เพราะเชี่ยวชาญเฉพาะเรื่อง ดังนั้น ต้องหยุดคิดแบบมนุษย์ถ้ำ ต้องออกจากถ้ำ และมองสภาพแวดล้อมที่เป็นจริงว่าเกิดอะไรขึ้น และปรับตัวให้สอดคล้อง เพราะทุกอย่างเปลี่ยนแปลงเร็วชั่วข้ามคืน มหาวิทยาลัยจึงต้องคิดล่วงหน้า ไม่ใช่รอว่าอนาคตจะมีอะไรเกิดขึ้น โดยยึด 3 คำ คือ doing something new, doing something different และ doing something better คือทำอย่างไรให้เติบโต และดีกว่าคนอื่น

“ถ้าเราไม่คิด เราจะกลายเป็นหมาหางด้วน เราจำเป็นต้องเป็นตัวของตัวเอง อะไรต้องเปลี่ยนแปลง และก้าวให้ทันโลก งานวิจัยที่กำลังส่งเสริมทุกวันนี้ ฝันว่าจะทำให้เกิดความรู้ใหม่ๆ แต่ความรู้ใหม่ที่เกิดขึ้นเอาไปไหน ที่ผ่านมางานวิจัย 100 เรื่อง มีคนเอาไปต่อยอด 10 เรื่องก็เก่งแล้ว วันนี้รัฐบาลประกาศไทยแลนด์ 4.0 ต้องเอางานวิจัยไปทำให้เกิดนวัตกรรม ผมบอกได้เลยว่านั่นเป็นลมปากที่รัฐบาลประกาศขึ้น เพราะกลไกที่จะทำให้งานวิจัยกลายเป็นงานนวัตกรรม ไม่ใช่ชั่วพลิกฝ่ามือแล้วเดินไปได้ ไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด ความต่อเนื่อง ต่อยอดของห่วงโซ่ความรู้ มีความจำเป็นต้องต่อยอด” นายวันชัยกล่าว

นายวันชัยกล่าวอีกว่า จุดอ่อนของมหาวิทยาลัยคือจะกระตุ้นให้อาจารย์ทำวิจัยเพื่อขอตำแหน่งทางวิชาการ ทุกคนทำแต่งานวิจัยพื้นฐาน มีอีกกลุ่มทำวิจัยประยุกต์เพื่อให้เกิดนวัตกรรม แต่เป็นกลุ่มเล็ก ทั้งนี้ การประยุกต์งานวิจัยเพื่อให้เกิดเป็นนวัตกรรมนั้น อย่าคิดขึ้นเอง ต้องมีภาคเอกชนช่วยกันคิดว่าจะเอาไปใช้ได้อย่างไร เพื่อให้ทันการเปลี่ยนแปลงของโลก วันนี้เราอยู่ในถ้ำไม่ได้ ออกจากถ้ำก็อาจไม่เข้มแข็งพอ จึงต้องดึงคนนอกเข้ามาในถ้ำ และช่วยกันคิด เพื่อทำสิ่งแปลกและใหม่ให้เกิดประโยชน์กับบ้านเมือง

“จีนมีนโยบายดึงนักวิทยาศาสตร์กลับบ้าน ให้เงินเดือนสูงๆ จากก๊อบปี้ ดีไซน์ และพัฒนา จนวันนี้ไม่ต้องก๊อบปี้ รวมถึงการซื้อความรู้มาต่อยอด แต่หัวใจที่ทำให้จีนเติบโตคือจิตวิญญาณของคนรุ่นใหม่ที่พร้อมแข่งขันและเปลี่ยนแปลง ทุกวันนี้นักศึกษาจีนพูดภาษาอังกฤษได้เกือบทุกคน มีแรงบันดาลใจที่จะออกสู่โลกกว้าง ไม่มองเฉพาะในประเทศ แต่เด็กไทยไม่คิดแบบนั้น และสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นกับอนาคตการศึกษาไทย เด็กเข้ามหาวิทยาลัยน้อยลง ก็โทษว่าเด็กเกิดน้อย โทษระบบคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาในสถาบันอุดมศึกษา หรือทีแคส โทษเด็กว่ามีค่านิยมเข้าเรียนมหาวิทยาลัยลดลง ปัญหาคือจะทำอย่างไรให้เด็กไทยมีแรงบันดาลใจ” นายวันชัยกล่าว

Advertisement

นายวันชัยกล่าวต่อว่า บอกว่าประเทศไทยมีอัตราว่างงานน้อยที่สุดในโลก ไม่ถึง 1% แต่เพียงพอที่จะขับเคลื่อนประเทศหรือไม่ เพราะทำงานขี่รถจักรยานยนต์รับจ้าง หรือขายอาหาร ก็คือไม่ว่างงาน แต่เพียงพอที่สร้างการเปลี่ยนแปลงให้บ้านเมืองหรือไม่ การว่างงานน้อยจึงกลายเป็นปัญหาใหญ่ เพราะไทยไม่มีแรงงานในตลาด และต้องนำเข้าแรงงานจากประเทศเพื่อนบ้าน เหล่านี้คือหายนะที่รอคอยประเทศไทยอยู่ ดังนั้น มฟล.จึงให้นักศึกษาชั้นปี 3 ทุกคนต้องพูดคุยกัน และค้นพบให้ได้ว่าตัวเองอยากเป็นอะไร นักศึกษาไม่จำเป็นต้องจบปริญญาเอก หรืออาจารย์ไม่จำเป็นต้องเป็นศาสตราจารย์ แต่ต้องเป็นสิ่งที่ตัวเองเก่ง

“มฟล.ต้องดิ้นรนเพื่อให้อยู่รอดในยุคของการแข่งขันและการเปลี่ยนแปลง อยู่ในภาวะหมาถูกน้ำร้อนลวก และต้องวิ่งหาที่เย็นเพื่อรักษาตัวเอง หวังว่ามหาวิทยาลัยจะตื่นและปรับตัวเอง ต้องมีแรงบันดาลใจ รู้จักประยุกต์ คิดสร้างสรรค์ และต้องดูโลกภายนอกว่ามีการเปลี่ยนแปลงอย่างไร ซึ่งเป็นโลกที่โหดร้าย ถ้าใครตามไม่ทันก็จะถูกทิ้งไว้”

Advertisement

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image