เปิด หนังสือ กก.สภามทร.พระนคร แจงเหตุผลทิ้งเก้าอี้ ‘กก.สรรหาอธิการ’

กรณีนพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.) มอบหมายให้สภามหาวิทยาลัยรัฐ เฉพาะที่เป็นมหาวิทยาลัยรัฐที่เป็นส่วนราชการแก้ไขปัญหากรณีที่มีอธิการบดี/รักษาการอธิการบดีที่สภาแต่งตั้ง อายุเกิน 60 ปี โดยขอให้ยึดคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุดเป็นบรรทัดฐานที่ได้วินิจฉัยกรณีมหาวิทยาลัยราชภัฏ(มรภ.)กาญจนบุรีว่าอธิการบดี/รักษาการอธิการบดีมหาวิทยาลัยรัฐที่เป็นส่วนราชการ จะมีอายุเกิน 60 ปีไม่ได้ ขณะที่พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี ที่กำกับดูแลศธ. ได้เรียกนายสุภัทร จำปาทอง เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา(กกอ.) เข้าให้ข้อมูลและสั่งการให้หาข้อมูลเพิ่มเติมเสนอภายใน 7 วันเพื่อจะช่วยหาทางออก ด้านผศ.ศุภวุฒิ เนตรโพธิ์แก้ว อดีตประธานสภาคณาจารย์และข้าราชการมทร.พระนคร ระบุว่าสภามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล(มทร.) พระนคร ได้แก้ไขข้อบังคับ มทร.พระนคร ว่าด้วยการสรรหาอธิการบดี ที่มีมติในที่ประชุมสภาให้แก้ไขเมื่อวันที่ 5 กันยายน 2561 เพื่อปลดล็อกให้คนอายุเกิน 60 ปี มาบริหารมหาวิทยาลัยต่อไปได้ซึ่งมองว่าขัดคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด ซึ่งเป็นที่มาที่ผศ.ดร.สุรเชษฐ เดชฟุ้ง กรรมการสภามทร.พระนคร ในฐานะกรรมการสรรหาอธิการบดีมทร.พระนคร ประกาศลาออกจากตำแหน่งกรรมการสรรหาอธิการบดี กลางที่ประชุมคณะกรรมการสรรหาอธิการบดีนั้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีที่ผศ.ดร.สุรเชษฐ เดชฟุ้ง กรรมการสภามทร.พระนคร ในฐานะกรรมการสรรหาอธิการบดีมทร.พระนคร ได้ประกาศลาออกจากตำแหน่งกรรมการสรรหาอธิการบดี กลางที่ประชุมคณะกรรมการสรรหาอธิการบดีนั้น ล่าสุดวันที่ 26 กันยายน ผศ.ดร.สุรเชษฐ ได้ทำหนังสือถึงประธานคณะกรรมการสรรหาอธิการบดีแล้ว ความว่า ตามที่สภามทร.พระนคร ได้แต่งตั้งคณะกรรมการสรรหาอธิการบดีเพื่อดำเนินการสรรหาผู้ที่สมควรดำรงตำแหน่งเป็นอธิการบดี ตามคำสั่งสภาที่ 23/2561 ลงวันที่ 11 กรกฎาคม 2561 นั้น ตนไม่เห็นด้วยที่คณะกรรมการสรรหาอธิการบดีในการประชุมเมื่อวันที่ 24 กันยายน 2561 ที่พิจารณารับรองคุณสมบัติให้ผู้ที่เกษียณหรืออายุเกิน 60 ปีสามารถเข้ารับการสรรหาเป็นอธิการบดีได้ ซึ่งตนได้โต้แย้งในที่ประชุมด้วยแล้วว่าขัดกับหลักการตามคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด (คดีมรภ.กาญจนบุรี) ที่วินิจฉัยไว้เป็นบรรทัดฐานชัดเจนแล้วว่าเมื่อกฎหมายไม่ได้เขียนให้อำนาจไว้โดยชัดแจ้ง ผู้ที่มีอายุเกิน 60 ปี จะดำรงตำแหน่งเป็นอธิการบดีไม่ได้ และรัฐมนตรีว่าการศธ.ได้ประกาศนโยบายสอดคล้องกับหลักคพิพกาษาดังกล่าวไว้เช่นกันว่าจะไม่มีการเสนอผู้ที่อายุเกิน 60 ปีเพื่อโปรดเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่งเป็นอธิการบดี และเน้นย้ำให้ทุกมหาวิทยาลัยเคารพในหลักการตามคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด ซึ่งขณะนี้ก็ยังอยู่ระหว่างการหาแนวทางดำเนินการกับมหาวิทยาลัยที่มีอธิการบดีอายุเกิน 60 ปีว่าจะต้องดำเนินการอย่างไร ในเมื่อศาลตัดสินแล้วว่าผู้ดำรงตำแหน่งอธิการที่มีอายุเกิน 60 ปี นั้นไม่ชอบด้วยกฎหมาย การที่คณะกรรมการสรรหาอธิการบดีพิจารณาและมีมติรับรองให้ผู้ที่มีอายุเกิน 60 ปี สามารถเข้ารับการสรรหาเป็นอธิการบดีทั้งที่ทราบคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุดแล้ว จึงชี้ชัดให้เห็นว่าคณะกรรมการสรรหาฯ ยืนยันว่าผู้ที่อายุเกิน 60 ปี ยังมีสิทธิเป็นอธิการบดีได้ เท่ากับไม่เคารพหลักการคำตัดสินพิพากษาของศาล ไม่ถูกต้องตามกฎหมายและอาจเข้าข่ายร่วมกันประพฤติมิชอบเป็นความผิดอาญาตามมาตรา 157

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า โดยหนังสือดังกล่าว ได้รับการลงนาม “รับแล้ว” จากประธานคณะกรรมการสรรหาอธิการบดี

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image