เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม ศ.ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ ผู้อำนวยการสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) เปิดเผยว่า จากกรณีที่องค์การค้า (อค.) ของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) ได้ส่งมอบหนังสือให้โรงเรียนไม่ทันเปิดภาคเรียนที่ผ่านมา ก่อให้เกิดผลกระทบต่อการเรียนการสอนทั่วประเทศ คณะกรรมการ สสวท.จึงมีมติให้กระจายความเสี่ยง และลดสัดส่วนสิทธิในการพิมพ์ของ อค.เหลือ 70% ของต้นฉบับทั้งหมด พร้อมให้ อค.วางแผนให้รัดกุม ไม่ให้พิมพ์หนังสือล่าช้าอีก และให้สิทธิสำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 30% โดย สสวท.ได้แจ้งมติให้ทั้ง 2 แห่งรับทราบตั้งแต่เดือนกรกฎาคม ซึ่งสำนักพิมพ์จุฬาฯ ได้ตอบรับอย่างรวดเร็ว และเลือกชนิดกระดาษ พิจารณาต้นฉบับ ขออนุญาตจัดพิมพ์ และขอเลขหนังสือแล้ว เชื่อว่าในส่วนของหนังสือ สสวท.หลักสูตรใหม่ ระดับมัธยมศึกษา จะพิมพ์ได้ทันเวลาแน่นอน
“อย่างไรก็ตาม ในส่วนของ อค.ที่ได้รับสิทธิ 70% โดยเฉพาะในส่วนของหลักสูตรเดิมทั้งหมด และหลักสูตรใหม่ระดับประถมศึกษานั้น ไม่มีการตอบรับจาก อค.เมื่อเห็นว่าเวลาได้ล่วงเลยไปมากจนน่าเป็นห่วง ในช่วงปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมา สสวท.จึงได้ทำหนังสือขอให้ อค.ยืนยันการรับสิทธิภายในวันที่ 5 ตุลาคม แต่ อค.แจ้งว่าต้องรอมติบอร์ด สกสค.ก่อน ประกอบกับที่ สสวท.ได้รับทราบข่าวปัญหาภายในของ อค.ทำให้ สสวท.ขาดความมั่นใจในวิธีการดำเนินงานของ อค.จึงต้องเตรียมเสนอบอร์ด สสวท.พิจารณาผู้รับอนุญาตรายอื่นที่ร่วมมือผลิต และส่งหนังสือได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในวันที่ 12 ต.ค.เพราะหากเสนอบอร์ด สสวท.ไม่ทัน จะทำให้นักเรียนทั้งประเทศสุ่มเสี่ยงที่จะไม่มีหนังสือเรียนทันใช้เมื่อเปิดภาคเรียนปี 2562” ศ.ชูกิจ กล่าว
ศ.ชูกิจกล่าวต่อว่า สิทธิในการให้พิมพ์หนังสือที่ สสวท.เป็นผู้จัดทำต้นฉบับนั้น เป็นของ สสวท.ซึ่งยึดผลประโยชน์ของนักเรียน และครูเป็นหลักมาโดยตลอด ซึ่ง สสวท.ได้ผลิตต้นฉบับหนังสือเรียนที่มีคุณภาพแล้ว แต่หากหนังสือเรียนไม่ถึงมือนักเรียนทันก่อนเปิดภาคเรียน จะนำไปสู่ปัญหาการเรียนการสอนที่ขาดทิศทาง ไม่มีลำดับ และใช้กระบวนการที่ไม่ถูกต้อง ก่อให้เกิดปัญหาในระยะยาว และกระทบกับคุณภาพการศึกษาของประเทศ
