เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยความคืบหน้าการตรวจสอบ กรณีการจัดซื้อครุภัณฑ์ฝึกทักษะมัธยมศึกษาตอนต้น ของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) จำนวน 279 ล้านบาท ซึ่ง นายอรรถพล ตรึกตรอง ผู้ตรวจราชการ ศธ. ประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงสรุปสำนวนการสอบและเสนอตั้งกรรมการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรง ผู้ที่เกี่ยวข้องจำนวน 5 ราย แบ่งเป็นผู้บริหารระดับ 11 ระดับ 10 ข้าราชการระดับ 8 ของ สพฐ.2 ราย และผู้อำนวยการโรงเรียน ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ว่า ตนยังไม่ได้รับรายงานความคืบหน้าล่าสุดจากพล.อ.โกศล ประทุมชาติ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการศธ. อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ ทุกอย่างต้องว่า ไปตามกฎหมาย ตนได้อ่านสรุปผลการตรวจสอบเบื้องต้นแล้ว ต้องให้ฝ่ายกฎหมายไปดูว่า ผลสรุปที่ออกมาถูกกฎหมายหรือไม่ แต่มีคนผิดแน่นอน เพราะบางอย่างชัดเจนว่า มีการกระทำผิด
“ผลสรุปมี 5 รายที่ถูกเสนอชื่อขึ้นมา แต่ก็ต้องรอทางฝ่ายนิติกรชี้ขึ้นมาตามกระบวนการ ทั้งนี้หากเสนอมาว่า ผิดวินัยร้ายแรง คำถามคือ ตั้งสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรงได้หรือไม่ เช่น กรณีปลอมเอกสารราชการ ถือว่าผิดวินัยร้ายแรง แต่ถ้าเป็นกรณีรัฐเสียโอกาส ก็ต้องมาดูว่า ผิดวินัยร้ายแรงหรือไม่ สมมติผม สอบคนคนหนึ่งที่ทุจริต แต่ปรากฏคนที่สอบถูกตั้งข้อหาว่าเนื่องจากโครงการทุจริต เจ้านายเลยผิด เพราะเงินไม่ได้ใช้ กรณีแบบนี้ฝ่ายกฎหมายต้องไปดูว่าจะสรุปอย่างไร”นพ.ธีระเกียรติ กล่าว และว่า ส่วนจะสามารถตั้งกรรมการสอบสวนวินัยได้เมื่อไรนั้น ตนไม่อยากไปเร่งรัดอยากให้นิติกรพิจารณาอย่างรอบคอบ เชื่อว่าใช้เวลาไม่นาน
ผู้สื่อข่าวถามว่า ถ้ามีการตั้งกรรมการสอบวินัยอย่างร้ายแรงจะพิจารณาใช้ มาตรการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและ ประพฤติมิชอบในระบบราชการของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) หรือไม่ นพ.ธีระเกียรติ กล่าวว่า ต้องดูว่าผิดวินัยร้ายแรงเรื่องใด เพราะมาตรการ คสช.จะใช้กับเรื่องโกง ซึ่งบางคนที่ถูกชี้มูลในเรื่องนี้ ที่ไม่ใช่ข้าราชการระดับสูงมาก ก็คงจะโดน เพราะมีหลายคดี