‘อดีตผอ.ร.ร.สอนแก้วว่องไวฯ’ โร่แจง ‘หมอธี’ ยันกรอกข้อมูลตามจริง พร้อมชี้แจงป.ป.ท. ทุกข้อกล่าวหา

จากกรณีสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ปปท.) เขต 3 ลงพื้นที่ตรวจสอบโรงเรียนสอนแก้วว่องไววิทยา ต.เดิต อ.เมือง จ.ยโสธร ซึ่งมียอดของจำนวนนักเรียนที่เกินจากความเป็นจริง จำนวน 159 คน และไม่มีตัวตนจริงที่นั่งเรียนในชั้นเรียนแต่ทางโรงเรียนอ้าวว่ารายชื่อนักเรียนที่ไม่มีตัวตนทั้งหมดนั้น เป็นรายชื่อนักเรียนที่ทางโรงเรียนได้มีการจัดการเรียนทางเลือก หรือการศึกษานอกระบบนั้น

เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม ที่กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.)  น.ส.มณีรัตน์ ปรินายวนิชย์ ผู้อำนวยการโรงเรียนยโสธรพิทยาคม อดีตผู้อำนวยการโรงเรียนสอนแก้วว่องไววิทยาคม จ.ยโสธร เปิดเผยภายหลังเข้ามาชี้แจงข้อเท็จจริงเรื่อง ป.ป.ท. เขต 3 ตรวจพบว่ามีนักเรียนเกินจากความเป็นจริงจำนวน 159 คน ต่อ นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) และ นายบุญรักษ์ ยอดเพชร เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) ว่า เดิมโรงเรียนสอนแก้วว่องไววิทยาคม เป็นโรงเรียนขนาดกลาง เมื่อตนย้ายเข้ามาในวันที่ 4 ตุลาคม พ.ศ.2559 หมายความว่าตนนั้นเป็นผู้บริหารโรงเรียนขนาดกลาง ตามเกณฑ์ที่ ก.ค.ศ. ได้กำหนดและตีความไว้อยู่แล้ว จึงไม่มีเหตุจูงใจใดๆ ที่จะต้องการอัพขนาดโรงเรียนเลย อีกทั้งทางโรงเรียนสอนแก้วว่องไววิทยาคม อยากจัดการศึกษาทางเลือกให้กับผู้คนในชุมชน เพราะอยากเปิดโอกาสให้ผู้ที่หลุดออกจากระบบการศึกษา ได้กลับเข้าไปเรียนการศึกษาในระบบ จึงเริ่มโครงการ “สอนแก้ว ปันรัก” ในปี 2560 เป็นปีแรก โดยมีคณะกรรมการสถานศึกษาเป็นผู้ประชาสัมพันธ์และรับสมัครนักเรียน และมีกลุ่มครูที่คอยส่งหนังสือ และส่งข้อสอบให้ผู้เรียนการศึกษาทางเลือกเหล่านี้ให้ไปเรียนที่บ้านได้ ซึ่งโรงเรียนสามารถดำเนินการได้ โดยอาศัยอำนาจตาม พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 ทั้งนี้ ทางโรงเรียนมีนักเรียนที่เรียนการศึกษาทางเลือกจำนวน 159 คน

“ข่าวที่ออกมาบั่นทอนจิตใจคณะกรรมการสถานศึกษา และครูในโรงเรียนเป็นอย่างมาก เพราะที่เราจัดการศึกษาทางเลือกโดยจัดให้ฟรี และรัฐได้ประโยชน์อย่างแท้จริง ผู้เรียนไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ครูโรงเรียนเป็นผู้เสียสละมาช่วยนักเรียนมากกว่า และการที่มีบางหน่วยงานลงมาตรวจโรงเรียน เมื่อมาถึงจากลงรถตู้และกรูเข้ามาตรวจสอบเข้ามานับรายหัวนักเรียน อีกทั้งเจ้าหน้าที่มีมาตรวจสอบนั้นไม่มีความรู้ในเรื่อง พ.ร.บ. การศึกษาแห่งชาติ หรือการจัดการศึกษา ที่แบ่งนักเรียนในระบบคือนักเรียนในห้องเรียน และนักเรียนทางเลือก คือการศึกษานอกระบบ ซึ่งตามพ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ กำหนดชัดเจนว่าทางโรงเรียนสามารถจัดการเรียนการสอนในลักษณะนี้ได้ และขอยืนยันว่าทางโรงเรียนได้กรอกข้อมูลนักเรียนลงในระบบ DMC ชัดเจน ว่าจำนวนนักเรียน 159 คนนี้เป็นนักเรียนในการศึกษาทางเลือก โรงเรียนไม่ได้นำจำนวน 159 คน ใส่เข้าไปในระบบที่จะเบิกเงิน ของบประมาณจาก สพฐ. แน่นอน” น.ส.มณีรัตน์ กล่าว

น.ส.มณีรัตน์ กล่าวต่อว่า ข่าวที่ออกมาทำให้ตนไม่สบายใจ ตนจึงเข้ามาขอพบเข้าชี้แจงข้อเท็จจริงต่อ รัฐมนตรีว่าการ ศธ.และ เลขาธิการ กพฐ. อย่างไรก็ตาม ป.ป.ท.ยังไม่เรียกตนเข้าไปชี้แจงแต่อย่างใด แต่ถ้าทางป.ป.ท. เรียกตนเข้ามาพบ ตนพร้อมที่จะชี้แจงทุกข้อกล่าวหา

Advertisement

สื่อข่าวถามว่า แต่จากที่ ป.ป.ท. ลงพื้นที่ตรวจสอบพบว่าผู้ปกครองนักเรียนในโรงเรียนได้รับข้อสอบจากโรงเรียนทั้งที่ไม่ได้ลงเรียนการศึกษาทางเลือกเลย น.ส.มณีรัตน์ กล่าวว่า จะขอตรวจสอบเรื่องนี้ก่อน อาจจะมีข้อมูลคลาดเคลื่อนกัน

ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า ทำไมข้อมูลถึงสวนทางกัน เพราะทาง ป.ป.ท.ยืนยันชัดเจนว่าทางโรงเรียนมีเด็กผีจริง น.ส.มณีรัตน์ กล่าวว่า ตนเองก็อยากทราบว่าที่ทาง ป.ป.ท. ให้ข่าว ทราบหรือไม่ว่านักเรียนทางเลือกคืออะไร ทำไมข้อมูลคลาดเคลื่อนกันแบบนี้ ส่วนทำไมตนไม่อยู่ในวันที่ ป.ป.ท.ลงพื้นที่เข้ามาตรวจสอบนั้น เพราะว่าตนได้ย้ายมาเป็นผู้อำนวยการโรงเรียนยโสธรพิทยาคม ในวันที่ 2 พฤศจิกายน 2561 ซึ่งเป็นโรงเรียนขนาดใหญ่พิเศษ และการย้ายของตนเป็นไปตามเกณฑ์ของ ก.ค.ศ. กำหนดไว้อย่างถูกต้อง และในระหว่างนั้นมีผู้อำนวยการ 3 คน ที่ขอย้ายเข้ามาโรงเรียนยโสธรพิทยาคมเช่นกัน ประกอบด้วย ตนซึ่งเป็นผู้อำนวยการโรงเรียนขนาดกลาง, ผู้อำนวยการโรงเรียนขนาดกลาง จำนวน 1 คน และผู้อำนวยการโรงเรียนขนาดเล็ก จำนวน 1 คน แต่กลับมีบางสื่อเสนอข่าวว่ามีผู้อำนวยการโรงเรียนขนาดใหญ่หลายคนมาขอย้ายมาอยู่โรงเรียนยโสธรพิทยาคม แต่ไม่ได้รับการพิจารณานั้น ไม่เป็นความจริง

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image