ด่วน!!ศธ.ตั้งศูนย์ป้องกันฯ ‘ปาบึก’ กำชับ สพท.-ร.ร.เสี่ยงไม่ปลอดภัยให้สั่งหยุดทันที

เมื่อวันที่ 3 มกราคม นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.)  เปิดเผยว่า ตามที่กรมอุตุนิยมวิทยาได้ออกประกาศเรื่องพายุปาบึก (PABUK) ได้ทวีความรุนแรงเป็นพายุโซนร้อนทำให้ภาคใต้มีฝนตกหนักมากในช่วงวันที่ 3-5 มกราคม  และมีจังหวัดที่จะต้องเฝ้าระวังสถานการณ์ ได้แก่ เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ยะลา ปัตตานี นราธิวาส ระนอง พังงาน ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล ในส่วนของกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ซึ่งมีสถานศึกษาในพื้นที่นั้น ขณะนี้เราทราบแล้วว่าพายุปาบึกจะมีความรุนแรง และกรมอุตุฯก็ประกาศพื้นที่จังหวัดที่จะได้รับผลกระทบชัดเจน ตนได้กำชับไปยังสถานศึกษาให้เฝ้าระวังสถานการณ์ และติดตามข่าวสารการพยากรณ์อากาศจากกรมอุตุฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด 

นพ.ธีระเกียรติ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ศธ.ได้จัดตั้งศูนย์ป้องกันและบรรเทาภัยพิบัติพายุโซนร้อนปาบึก เพื่อเฝ้าระวัง ป้องกัน และลดผลกระทบจากสถานการณ์จนกว่าสถานการณ์จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ แบ่งเป็น ส่วนกลาง สำนักงานปลัด ศธ.เป็นผู้รับผิดชอบ และส่วนภูมิภาค 3 แห่ง ได้แก่ 1.สำนักงานศึกษาธิการภาค (ศธภ.) 6 ตำบลโพธิ์เสด็จ อำเภอเมือง จังหวัดนครศรีธรรมราช รับผิดชอบ 5 จังหวัด คือ นครศรีธรรมราช เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร และสุราษฎร์ธานี 2.ศธภ. 7 ตำบลลาดใหญ่ อำเภอภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต รับผิดชอบ 5 จังหวัด คือ ภูเก็ต ระนอง พังงาน กระบี่ และตรัง และ3.ศธภ. 8 ตำบลสะเตง อำเภอเมืองยะลา รับผิดชอบ 6 จังหวัด คือ ยะลา พัทลุง สงขลา ปัตตานี นราธิวาส และสตูล 

รัฐมนตรีว่าการศธ. กล่าวต่อว่า ในส่วนมาตรการป้องกันนั้น  จะเป็นการเตรียมรับมือเพื่อลดความเสียหายในชีวิตและทรัพย์สินของครู นักเรียน นักศึกษา ผู้ปกครองและสถานศึกษาในสถานศึกษา ดังนี้ 1. หน่วยงานทางการศึกษาเฝ้าระวังติดตามสถานการณ์ความเคลื่อนไหวของพายุโซนร้อนปลาบึกจากกรมอุตุนิยมวิทยา กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณะภัยและศูนย์ป้องกันและบรรเทาภัยพิบัติส่วนพายุโซนร้อนปาบึก กระทรวงศึกษาธิการ พร้อมแจ้งเตือนแก่ครู นักเรียน นักศึกษา  ผู้ปกครอง และผู้ที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดต่อเนื่อง 2.สถานศึกษาจัดทำแผนเผชิญเหตุภัยพิบัติพายุโซนร้อนปาบึก พร้อมทั้ง ให้มีการซักซ้อมเพื่อเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ 3.เคลื่อนย้ายทรัพย์สินของทางราชการให้อยู่ในที่ปลอดภัย 4.สถานศึกษาจัดเตรียมอุปกรณ์ยังชีพ ยา เวชภัณฑ์ และอุปกรณ์สื่อสาร เพื่อช่วยเหลือกรณีฉุกเฉิน 5.สถานศึกษาวิเคราะห์ความเสี่ยงในการเดินทางของนักเรียน นักศึกษา โดยให้เน้นความปลอดภัยในชีวิตเป็นสำคัญ หากมีความจำเป็นต้องสั่งปิดสถานศึกษาให้อยู่ในดุลยพินิจผู้บริหารสถานศึกษา 6.จัดเตรียมที่พักพิงในกรณีจำเป็น ต้องมีการเคลื่อนย้ายผู้ประสบภัยพิบัติ 7.สำรวจและซ่อมแซมอาคารสถานที่ ระบบไฟฟ้า-ประปา ให้มีความพร้อมต่อการรับสถานการณ์  ส่วนมาตรการบรรเทา จะเป็นการช่วยเหลือเยียวยาและรายงานผลกระทบในระหว่างและหลังเกิดภัยพิบัติต่อศูนย์ป้องกันและบรรเทาภัยพิบัติพายุโซนร้อนปาบึก กระทรวงศึกษาธิการ ดังนี้ 1.สำรวจความเสียหายในชีวิตและทรัพย์สินของครู นักเรียน-นักศึกษา ผู้ปกครองและสถานศึกษา 2.ประสานความช่วยเหลือจากทุกภาคส่วน 3.จัดศูนย์ซ่อม สร้าง เพื่อชุมชน (Fix it center )เคลื่อนที่ไปให้ความช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ ที่ได้รับผลกระทบ 4.จัดอาชีวะอาสา ลูกเสือจิตอาสา ลงพื้นที่ช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติ 5.รายงานข้อมูลความเสียหายและผลการดำเนินการให้ความช่วยเหลือตามรูปแบบที่กระทรวงศึกษาธิการกำหนด  และ 6.จัดทำข้อมูลเพื่อขอรับการสนับสนุนงบประมาณ

Advertisement

นายบุญรักษ์ ยอดเพชร เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) กล่าวว่า สพฐ.ได้แจ้งให้สถานศึกษาในพื้นที่จังหวัดที่อาจได้รับผลกระทบเตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์ต่างๆ รวมถึงรวบรวมข่าวสารจากทุกช่องทาง โดยเฉพาะจากกรมอุตุฯ แจ้งผ่านแอปพลิเคชั่นไลน์  OBEC 2018 ขณะเดียวกัน ได้กำชับไปยังผู้อำนวยการโรงเรียน และผู้อำนวยการเขตพื้นที่การศึกษาซึ่งอยู่ในพื้นที่เห็นเหตุการณ์ความเคลื่อนไหวนาทีต่อนาที หากประเมินสถานการณ์แล้วเห็นว่าอาจจะเกิดความไม่ปลอดภัยก็สามารถสั่งหยุดการเรียนการสอนได้ทันที โดยไม่ต้องรอเพราะเรื่องนี้ไม่ใช่อุบัติเหตุ  ควรแจ้งให้ผู้ปกครองและนักเรียนได้ทราบเพื่อให้อยู่ครอบครัว และเตรียมการเคลื่อนย้ายอุปกรณ์การเรียน สิ่งของที่อาจจะเกิดความเสียหายไว้ที่ปลอดภัย รวมถึงให้ความช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่หากโรงเรียนตั้งอยู่ในจุดที่ปลอดภัย

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image