เมื่อวันที่ 10 มกราคม นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยว่าที่ประชุมคณะอนุกรรมการสามัญ (อ.ก.พ.) ประจำกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ได้พิจารณาและมีมติอนุมัติการจัดตั้งฝ่ายนิติการพิเศษ ประจำ ศธ. หรือ ดีเอสไอประจำ ศธ. โดยกำหนดกรอบอัตรากำลัง 8 ตำแหน่ง ซึ่งดีเอสไอประจำ ศธ.จะเป็นทีมกฎหมายพิเศษ เป็นหน่วยงานที่อยู่ภายใต้ สำนักงานนิติการ สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) โดยดีเอสไอ ประจำ ศธ. จะเป็นหน่วยงานกลางที่มีหน้าที่ดูแลเรื่องร้องเรียน เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมมากที่สุด และไม่ให้การตรวจสอบล่าช้า หรือดองเรื่องเพื่อช่วยเหลือกัน รวมถึงตรวจสอบคดีที่คั่งค้าง คดีที่เป็นที่สนใจของประชาชน เป็นต้น
นพ.ธีระเกียรติ กล่าวว่า ขั้นต่อไปจะดำเนินการตามกระบวนการ โดยข้าราชการที่ประจำหน่วยงานนี้ อาจจะมีทั้งการโอนอัตรากำลัง หรือการสรรหาใหม่ โดยผู้ที่จะมาหน้าที่จะมีข้าราชการหลายระดับ ซึ่งตนได้มอบนโยบายไปว่าควรจะวางแผนระยะยาวให้มีถึงระดับผู้ทรงคุณวุฒิ หรือ ข้าราชการระดับ (ซี) 10 เพื่อให้ทีมกฎหมายนี้มีความเข้มแข็ง
“การตั้ง ดีเอสไอประจำ ศธ. เป็นสิ่งที่ผมวาดฝันอยากจะให้เกิดขึ้น ซึ่งทีมนี้จะเข้ามาดูแลคดีต่างๆใน ศธ.ที่ยังคั่งค้าง และเป็นที่สนใจ รวมถึงถ้าบางคดีที่เกี่ยวข้องกับหลายบุคคล มีอิทธิพล ก็จะมีทีมนี้ทำหน้าที่หน่วยงานกลางเข้ามารับผิดชอบเป็นการเฉพาะ ซึ่งการจัดตั้งดีเอสไอประจำ ศธ.ไม่ได้สักแต่ว่าตั้งขึ้นมา แต่ได้มีการศึกษาวิเคราะห์ ดูเรื่องกรอบอัตรากำลังที่เหมาะสมแล้ว และไม่ใช่เป็นการตั้งหน่วยงานใหม่ แต่เป็นหน่วยเฉพาะกิจพิเศษขึ้นกับสำนักนิติการ มีกำลังคนให้ และชี้แจงชัดเจนว่าต้องทำงานอะไร ดีเอสไอ ประจำ ศธ.ถือเป็นกลุ่มคนเลือดใหม่ ถ้าคัดเลือกมาไม่ใช่การโอนอัตรากำลังก็ต้องเป็นคนที่เราไว้วางใจ เพราะในวันที่ผมไม่อยู่ คนที่ทำงานก็ต้องมีกฎระเบียบต้องปฏิบัติตาม” นพ.ธีระเกียรติ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า เมื่อมีการจัดตั้งดีเอสไอ ประจำศธ. และได้กำลังคนเรียบร้อยจะเร่งรัดให้ไปตรวจสอบคดีไหนบ้าง นพ.ธีระเกียรติ กล่าวว่า จะให้ดีเอสไอ ประจำศธ.เข้ามาเร่งติดตามคดีที่ยังคั่งค้างอยู่ เช่น การตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีการจัดซื้อครุภัณฑ์ฝึกทักษะมัธยมศึกษาตอนต้น ของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.) จำนวน 279 ล้านบาท ที่จนถึงเวลานี้ยังไม่มีการสรุปรายงานเข้ามา เสนอมาให้ตน อย่างไรก็ตามตนได้เร่งรัดให้ฝ่ายกฎหมายติดตามเรื่องนี้แล้ว ซึ่งไม่แน่ใจว่าติดขัดเรื่องอะไร รวมถึงการตรวจสอบเรื่องกระบวนการเช่าสัญญาณอินเตอร์เน็ตของระบบ โมเน็ต(MOENet ) เป็นต้น
