ผบ.ฉก.ปัตตานีติดตามกลุ่มผู้ต้องสงสัยฝึกยุทธวิธี พบ 5 น.ร.ปอเนาะเป็นชาวเขมร

เมื่อวันที่ 29 มกราคม ที่หน่วยเฉพาะกิจ กรมทหารพรานที่ 42 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.ปิยพงษ์ วงศ์จันทร์ ผบ.ฉก.ปัตตานี เดินทางติดตามความคืบหน้ากรณีชาวบ้านในพื้นที่หมู่ 4 ต.ถนน อ.มายอ จ.ปัตตานี แจ้งข้อมูลเบาะแสพบเห็นกลุ่มชายฉกรรจ์วัยรุ่นประมาณ 5-6 คน มีพฤติกรรมหน้าสงสัย โดยใช้เวลากลางดึกรวมตัวกันทำการฝึกฝนร่างกายคล้ายการฝึกทางยุทธวิธีทางทหาร จึงได้สนธิกำลังร่วม 3 ฝ่าย ทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครอง เข้าตรวจสอบพิสูจน์ทราบตามข้อมูลแจ้งเบาะแส พบกลุ่มวัยรุ่นอายุ 20-25 ปี จำนวน 5-6 คน ขณะกำลังใช้บริเวณสนามด้านหลังสถาบันศึกษาปอเนาะ มัดรอสาตูลฟาละห์ ตั้งอยู่ในพื้นที่ ม.4 ต.ถนน อ.มายอ จ.ปัตตานี ฝึกท่ายุทธวีการต่อสู้ จึงได้ควบคุมตัวซักถามขายพร้อมเชิญตัวเจ้าของปอเนาะให้ข้อมูลนั้น

เจ้าหน้าที่ในชุกซักถาม เปิดเผยว่า ได้เชิญตัวนักเรียนปอเนาะทั้ง 5 คน พร้อมเจ้าของสถาบันมาเข้าสู่กรรมวิธีซักถามขยายผลที่ศูนย์ซักถามค่ายอิงคยุทธบริหาร อ.หนองจิก จ.ปัตตานี โดยการสอบประวัติบุคคล พบ 1 คน อายุ 19 ปี ที่เหลือ 4 คน อายุ 20-25 ปี เป็นชาวเขมร อ้างว่าถูกชักชวนให้เดินทางมาเรียนด้านศาสนาที่ปอเนาะดังกล่าว โดย 1 ใน 5 ค นยอมให้ข้อมูลอันเป็นประโยชน์ ว่าเป็นการฝึกความแข็งแรงให้ร่างกาย และฝึกฝนยุทธวิธีการต่อสู้ด้วยมือเปล่า โดยผู้ทำหน้าที่ครูฝึกเป็นคนจากภายนอกเดินทางมาฝึกให้กับกลุ่ม 6 คน ในช่วงเวลาประมาณ 22.30 น.ของทุกวันอาทิตย์ ส่วนเจ้าของสถาบันปอเนาะ ให้การว่าเป็นกิจกรรมการออกกำลังกายปกติ แต่เจ้าหน้าที่ยังไม่ปักใจเชื่อ เนื่องจากมีการให้ข้อมูลที่ขัด และไม่ตรงกันกับวัยรุ่นทั้ง 6 คน อีกทั้ง ยังตั้งข้อสงสัยว่าเหตุใดจึงต้องเจาะจงใช้เวลาเฉพาะช่วงกลางดึกของทุกวันอาทิตย์ในการทำกิจกรรมบางอย่าง โดยยังให้ความสนใจต่อระเบียบการรับสมัครผู้เข้าเรียนของสถาบันว่ามีการขออนุญาตประกอบการ และมีขั้นตอนรับสมัครผู้เข้าเรียนที่เป็นชาวต่างชาติถูกต้องตามกฏหมายหรือไม่ เพราะตรวจสอบขั้นต้นพบมีนักเรียนชาวเขมรกว่า 10 คน พักอาศัยเป็นนักเรียนประจำอยู่ภายในปอเนาะแห่งนี้ หลายรายไม่สามารถนำเอกสารยืนยันการเข้าประเทศไทยอย่างถูกกฎหมาย

เจ้าหน้าที่คนเดิม กล่าวว่า การเชิญตัวมาซักถามขยายผล ยังให้ความสำคัญต่อการตรวจพิสูจน์เอกลักษณ์ และตรวจพิสูจน์หลักฐานด้านพันธุกรรม หรือดีเอ็นเอ รวมถึง การตรวจสอบพฤติกรรมหลายอย่างว่าอาจสุ่มเสี่ยงต่อเรื่องความมั่นคงในพื้นที่หรือไม่ ซึ่งเป็นประเด็นใหม่ที่ทาง กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ให้ความสนใจอย่างใกล้ชิด

Advertisement

พ.อ.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ โฆษก กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ต่อแนวทางสืบสวนสอบสวนกรณีดังกล่าวนี้ ขั้นต้นเปิดเผยว่า เรื่องนี้เป็นที่สนใจติดตามจากสังคมในพื้นที่อย่างมาก ส่วนหนึ่งเป็นกรณีของสถานศึกษา และหลายคนอาจได้รับข้อมูลข่าวสารจากสื่อในโซเชียลโจมตีเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำเกินกว่าเหตุกับนักเรียนปอเนาะ ตรงนี้อยากให้ทุกคนตั้งสติ และให้เวลาเจ้าหน้าที่ในการดำเนินกรรมวิธีซักถามให้ความจริงปรากฏชัดเจนกว่านี้ แต่ยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ไม่ได้ทำเกินกว่าเหตุ หนำซ้ำการเข้าตรวจพิสูจน์สถานที่ กระทำตามขั้นตอนอย่างมีแบบแผน เพราะคาดเดาไว้แล้วว่าต้องตกเป็นผู้ถูกกล่าวหาใส่ร้ายป้ายสีจากกลุ่มผู้ไม่หวังดีคอยจ้องทำลาย จึงต้องทำทุกอย่างให้เห็นความโปร่งใส่ ตั้งแต่ก่อนจะมีการสนธิกำลังร่วม 3 ฝ่ายเข้าพิสูจน์ความจริง โดยหน่วยรับผิดชอบมีการจัดชุดซุ่มตรวจสอบแหล่งดังกล่าวในช่วงเดือนนี้นับสิบครั้ง เพื่อให้มั่นใจว่ามีการกระทำดังกล่าวอยู่จริง ทุกครั้งยังมีการถ่ายภาพวิดีโอไว้เป็นหลักฐาน จึงอยากขอให้เจ้าหน้าที่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทำงานให้เสร็จก่อน โดยจะนำหลักฐานต่างที่มีอยู่แถลงให้สังคมรับทราบความจริง

“พล.ท.พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ แม่ทัพภาคที่ 4 เป็นห่วง และกำชับแนวทางการปฏิบัติของฝ่ายเจ้าหน้าที่ ให้ยึดการปฏิบัติภายใต้การบังคับใช้กฏหมาย และหลักมนุษยชนอย่างเคร่งครัด เพราะวัยรุ่นทั้ง 5 คน ที่ถูกเชิญตัวไปซักถาม เป็นกรณีที่สังคมให้ความสนใจ จึงต้องดำเนินกรรมวิธีขั้นตอนต่างๆ ให้มีความถูกต้องรัดกุม และจะชี้แจงให้ทราบต่อไป” พ.อ.ปราโมทย์ กล่าว

Advertisement

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image