‘สกสค.’ เตรียมชงปลัดศธ.แก้ระเบียบหักหนี้ครู-กำหนดเพดานเหลือเงินเดือน30% เผยออมสินคืนเงินแล้ว1.1พันล.

‘สกสค.’ เล็งชงปลัด ศธ.แก้ระเบียบหักหนี้ครู-กำหนดเพดานเหลือเงินเดือน 30% เผยออมสินคืนเงินแล้ว 1.1 พันล้าน

เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ นายอรรถพล ตรึกตรอง ผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) เปิดเผยความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาหนี้สินครู ว่า ขณะนี้ สกสค.อยู่ระหว่างดำเนินการมาตรการคุมกำเนิดหนี้สินครู โดยจะไม่ให้ครูก่อหนี้สินเพิ่ม ทั้งโครงการฌาปนกิจสงเคราะห์ช่วยเหลือเพื่อนครูและบุคลากรทางการศึกษา (ช.พ.ค.) ซึ่งหยุดที่โครงการ ช.พ.ค.7 และจะยังไม่เริ่มโครงการ ช.พ.ค.8 รอเคลียร์ปัญหาต่างๆ ให้เรียบร้อยก่อน และต่อไปการปล่อยก็จะต้องพิจารณาถึงความจำเป็นวิเคราะห์สินเชื่อเป็นรายๆ ไม่ได้ดูที่ความต้องการของผู้กู้อย่างเดียว จะไม่ให้กู้ไปใช้ฟุ่มเฟือย ขณะเดียวกันเมื่อเร็วๆ นี้ยังเสนอให้นายการุณ สกุลประดิษฐ์ ปลัด ศธ. แก้ไขระเบียบ ศธ.ว่าด้วยการหักเงินเดือน เงินบำเหน็จบำนาญข้าราชการเพื่อชำระหนี้เงินกู้ให้แก่สวัสดิการภายในส่วนราชการและสหกรณ์ พ.ศ.2551 กำหนดว่า ตั้งแต่ปี 2555 การจะให้ส่วนราชการหักเงิน ณ ที่จ่ายเพื่อชำระหนี้เงินกู้ ต้องมีเงินเดือนสุทธิหลังจากหักชำระหนี้แล้วไม่น้อยกว่าร้อยละ 30 ขณะที่ครูแต่ละคนมีเงินเดือนไม่เท่ากัน ดังนั้นจึงควรให้ผู้กู้มีเงินเหลือเพียงพอกับการดำรงชีพได้ด้วย เช่น คนที่เงินเดือน 15,000 บาท หากหักแล้วเหลือเงินในบัญชีเพียงร้อยละ 30 หรือ 4,500 บาท ก็จะไม่เพียงพอสำหรับใช้จ่ายในแต่ละเดือน

นายอรรถพลกล่าวต่อว่า ส่วนมาตรการระยะยาวอาจต้องพึ่งรัฐบาลในการแก้ไขปัญหา ซึ่งที่ผ่านมาเกิดจาก พ.ร.บ.สหกรณ์ พ.ศ.2542 ที่กำหนดว่า ต้นสังกัดต้องหักเงินใช้หนี้สหกรณ์ออมทรัพย์เป็นอันดับแรก ซึ่งผู้กู้อาจมีหนี้จากแหล่งอื่นมาก่อน โดยหลักการควรหักเงินชำระหนี้ตามลำดับการกู้ การเขียนกฎหมายไปเขียนก้าวล่วงกฎหมายอื่นอาจเป็นเรื่องไม่สมควร ขณะนี้มีกฎหมายที่กำหนดให้หักเงินเดือนชำระหนี้ก่อนเป็นลำดับแรกอยู่ 2 ฉบับคือ พ.ร.บ.สหกรณ์ พ.ศ.2542 และ พ.ร.บ.กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา พ.ศ.2560 ซึ่งตนเองก็ไม่แน่ใจว่าส่วนราชการจะหักกันอย่างไร ส่วนมาตรการอื่นๆ นั้น พยายามเจรจาขอปรับลดอัตราดอกเบี้ยกับทางธนาคารออมสิน เพราะขณะนี้อัตราดอกเบี้ยเงินฝากกับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ห่างกันค่อนข้างมาก

นายอรรถพลกล่าวต่อว่า ส่วนความคืบหน้ากรณีทวงเงินกองทุนเงินสนับสนุนพิเศษและส่งเสริมความมั่นคงตามโครงการ ช.พ.ค.ที่ทางธนาคารออมสินได้หักไปชำระหนี้แทนครูที่ค้างชำระเกิน 3 งวดขึ้นไป ประมาณ 1.2 หมื่นล้านบาทนั้น ที่ผ่านมาธนาคารออมสินทยอยคืนเงินมาบ้างแล้ว หลังจากยกเลิกบันทึกข้อตกลงฉบับเดิมและมีมาตรการคืนเงินจากกองทุนเงินสนับสนุนพิเศษฯให้กับครูโดยตรง ทำให้มีครูมาชำระหนี้เพิ่มขึ้น อัตราหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้หรือ NPL ลดลงเรื่อยๆ ทำให้มีครูมาใช้หนี้มากขึ้น ธนาคารออมสินจึงนำเงินที่ครูใช้หนี้มาคืนให้ สกสค. ขณะนี้ยอดรวมอยู่ที่ประมาณ 1,100 ล้านบาท แผนต่อไปที่จะดำเนินการคือ ปรับข้อมูลของ สกสค.และธนาคารออมสินให้ตรงกัน จากนั้นจะส่งให้ สกสค.จังหวัด และให้ธนาคารออมสินออกหนังสือทวง คาดว่าจะเริ่มทวงจากรายที่มีหนี้น้อยกว่า เพื่อไม่ให้เสียประวัติ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image