‘หมอธี’ กำชับสพฐ. ติดตามแป๊ะเจี๊ยะรถตู้ร.ร.เตรียมอุดมฯ

ตามที่มีการตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีพบรถตู้ 2 คันจอดอยู่ในโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาตั้งแต่วันที่ 6 มิถุนายน 2560 โดยไม่ทราบที่มา และรถทั้ง 2 คันไม่มีทะเบียน ทำให้เจ้าหน้าที่ในโรงเรียนไม่กล้านำไปใช้  ซึ่งนายโสภณ กมล ผู้อำนวยการโรงเรียน ได้ตั้งคณะกรรมการสืบข้อเท็จจริง เนื่องจากมีการตั้งข้อสังเกตว่า อาจเป็นรถตู้ที่ได้มาจากการเรียกรับเด็กเข้าเรียนหรือแป๊ะเจี๊ยะ

ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อวันที่ 19 มีนาคม นพ.ธีระกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวว่า กรณีพบรถตู้ 2 คันที่โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ต้องไปตรวจสอบว่าใครเป็นผู้ปรารถนาดีและเกี่ยวข้องกับใครหรือไม่  โดยการที่นายโสภณ กมล  ผู้อำนวยการโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาตั้งคณะกรรมการสืบข้อเท็จจริงถึงที่มาที่ไปของรถตู้ทั้ง 2 คันนั้นก็เป็นเรื่องที่ดี  เพราะคนจะได้ไม่เข้าใจว่า เกิดขึ้นในยุคนนี้  ซึ่งส่วนตัวพอทราบ มีการตั้งคณะกรรมการสอบเรื่องนี้ กับอดีตผู้อำนวยการโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา แต่รายละเอียดการสอบสวนจะเป็นอย่างไรนั้น ตนไม่ทราบจึงยังไม่อยากให้ความเห็น หรือไปปรักปรำใคร ขณะที่ทางสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เองก็ยังไม่ได้รายงานเรื่องนี้เข้ามา โดยจะกำชับไปยังสพฐ. ให้ติดตามเรื่องดังกล่าวอย่างใกล้ชิด

“ยืนยันว่า การรับนักเรียนต้องเป็นไปตามกฎหมายซึ่งจะมีการตรวจสอบที่เข้มข้น ไม่ใช่แค่ศธ.แต่ยังมีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)  สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) เฝ้าดู ขอยืนยันว่า ผู้บริหารศธ.ทุกคน ไม่รับฝากเด็กเข้าเรียน แลจำนำไปอ้างไม่ได้ ซึ่งถ้าใครไปอ้างว่า รัฐมนตรีว่าการศธ. ฝากมา ถือว่า โกหกแน่นอน ผมขอให้ทุกคนทำทุกอย่างให้ถูกต้อง ทั้งต่อหน้าและลับหลัง ใครที่ไปรับเงินขอให้รู้ด้วยว่าคนที่จ่ายเก็บหลักฐานไว้หมด ไม่มีใครจ่ายฟรีๆ ผมเองคงไม่กำชับ อะไรเป็นพิเศษ เพราะเป็นเรื่องที่ทุกคนต้องทำตามเหมือนปีที่ผ่านมา ซึ่งไม่มีปัญหาอะไร ประชาชนต้องได้รับความยุติธรรม อย่างกรณีรถตู้ที่โรงเรียนเตรียมอุดมฯ ก็ต้องตรวจสอบที่มาที่ไป ผู้บริหารต้องรับผิดชอบ ความจริงก็มีมาตรการชัดเจนผู้ปกครองก็รับรู้ แต่ก็ยังมีคนพยายาม บางคนก็ประสบความสำเร็จและบางคนก็ไม่สำเร็จ แล้วก็มีการแฉกันเอง  ซึ่งเราให้สิทธิประชาชนทุกคนแสดงความเห็น ร้องเรียนได้ภายใต้กฎหมาย  ขอย้ำเลยว่า ไม่ต้องมาฝากเด็กกับผม แม้กระทั่งมีคนมาฝากขอกินให้ ผมยังระวัง ไม่รับ  ประสาอะไรกับการฝากเด็กยิ่งต้องระวังไม่เกิดขึ้น”นพ.ธีระเกียรติ กล่าว และว่า  เชื่อว่า นโยบายการรับเด็กปีนี้ถือเป็นนโยบายที่ดี  นักการเมืองคนใด  เข้ามาก็ต้องทำ  คงไม่มีใครกล้าเปลี่ยน ไม่ว่าจะเป็น การปรับลดการรับนักเรียนเงื่อนไขพิเศษเหลือ 4 ประเภทจากเดิม 7 ประเภท ขณะที่สังคมปัจจุบันมีการตรวจสอบมากขึ้นและจากที่ตนได้ข้อมูลก็พบว่าช่วงปีที่ผ่านมาผู้ปกครองประหยัดค่าใช้จ่ายส่วนนี้ไปจำนวนมาก

นายธนารัชต์  สมคเณ รองผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา(สพม.) เขต 1 กรุงเทพ กล่าวว่า กรณีมีรถตู้ 2 คัดมาจอดในโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา เกิดขึ้นในสมัยที่นายปรเมษฐ์ โมลี  ดำรงตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ถูกนำมาจอดตั้งแต่วันที่ 6 มิถุนายน 2560  ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เพิ่งมีการรับเด็กเสร็จสิ้น  และนายปรเมษฐ์  เพิ่งเกษียณอายุราชการไปเมื่อวันที่ 30 กันยายน 2561 ที่ผ่านมา ทั้งนี้ส่วนตัวเองก็เพิ่งทราบเรื่อง ดังนั้นจึงให้ทางโรงเรียนสืบสวนข้อเท็จจริง ว่า มีการรับรถตู้ทั้ง2 คัน มาได้อย่างไร และการบริจาคของที่มีมูลค่าสูง เป็นการบริจาคที่ถูกต้องตามระเบียบหรือไม่ รวมถึงมีเอกสารหลักฐานการรับรถอย่างถูกต้องหรือไม่ ถ้าไม่มีก็เหมือนเป็นการรับของเถื่อน โดยขอให้โรงเรียนรายงานให้ทางเขตพื้นที่ฯรับทราบเพื่อรายงานให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) รับทราบต่อไป  โดยขณะนี้รถทั้ง 2 คันยังจอดอยู่ที่โรงเรียนเตรียมอุดมฯ เดิมได้ขอให้ย้ายมาจอดที่เขตพื้นที่ฯ แล้ว แต่ไม่มีใครกล้าขับ ดังนั้นจึงให้โรงเรียนประสานไปยังสน.ปทุมวัน ให้ตำรวจมารับรถไปจอดไว้ที่สถานีตำรวจก่อน

Advertisement

ผู้สื่อข่าวถามว่า นายปรเมษฐ์ เกษียณอายุราชการแล้ว ยังสามารถตรวจสอบและหากพบว่า ทำผิดจริงสามารถดำเนินการทางวินัยได้หรือไม่ นายธนารัชน์ กล่าวว่า ยังสามารถดำเนินการได้ เพราะถือว่าเป็นข้าราชการบำนาญ ส่วนจะถือว่า ผิดว่านัยร้ายแรงหรือไม่นั้น ตอนนี้คงไม่สามรถบอกได้ ต้องรอผลการสอบสวนก่อน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image