สพม.1 กทม.ชี้ ‘รถตู้ ร.ร.เตรียมอุดมฯ’ สัปดาห์หน้าคืบ เผยครูพละอนาจาร น.ร.หญิง มีมูล เล็งชงกศจ.ตั้ง กก.สอบวินัยร้ายแรง

สพม.1 กทม.ชี้ ‘รถตู้ ร.ร.เตรียมอุดมฯ’ สัปดาห์หน้าคืบ เผยครูพละอนาจาร น.ร.หญิง มีมูล เล็งชงกศจ.ตั้ง กก.สอบวินัยร้ายแรง

เมื่อวันที่ 22 มีนาคม นายธนารัชต์ สมคเณ รองผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 1 กรุงเทพมหานคร (สพม.เขต 1 กทม.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าการตั้งคณะกรรมการสืบข้อเท็จจริงกรณีพบรถตู้ปริศนา 2 คันจอดทิ้งไว้ภายในโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาตั้งแต่ช่วง 2 ปีที่ผ่านมาที่คาดว่าเป็นสินบนแป๊ะเจี๊ยะแลกกับรับเด็กเข้าเรียน ว่า เมื่อวันที่ 21 มีนาคมที่ผ่านมา ตนได้ให้นายโสภณ กมล ผู้อำนวยการโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา เข้าพบ นายสนิท แย้มเกษร รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เพื่อรายงานเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น โดยขณะนี้ สพม. เขต1 กทม.ต้องรอคำสั่งจาก สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ก่อนว่าจะให้ดำเนินการอย่างไรต่อไป

นายธนารัชต์ กล่าวว่า เบื้องต้นคาดว่าการรับมอบรถตู้อยู่ในช่วงอดีตผู้อำนวยการโรงเรียนคนก่อน แต่ ทาง สพม. เขต 1 กทม. จะยังไม่เรียกอดีตผู้อำนวยการโรงเรียนคนก่อนเข้ามาให้ข้อมูลเพิ่มเติม เนื่องจากผู้อำนวยการรายนี้ได้เกษียณอายุราชการไปแล้ว และ สพม. เขต 1 กทม. ไม่มีสิทธิที่จะเรียกเข้ามาให้ข้อมูล ต้องรอคณะกรรมการสืบข้อเท็จจริงของโรงเรียน สรุปผลออกมาก่อนว่าเป็นอย่างไร หากกล่าวอ้างถึงใคร สพม. เขต1 กทม. จึงจะเรียกเข้ามาให้ข้อมูลเพิ่มเติมได้

“ไม่ทราบเช่นกันว่าเหตุใดรถตู้ถึงไม่มีหลักฐานการซื้อขาย หรือไม่มีทะเบียนครุภัณฑ์ เบื้องต้นอาจจะเป็นการรับมาอย่างไม่ถูกต้อง หรืออาจจะเป็นการรับของเถื่อน อย่างไรก็ตาม ผมจะสอบถามเรื่องนี้กับทางโรงเรียนต่อไป และขณะนี้ไม่สามารถฟังธงได้ว่ารถตู้ที่ได้มานั้น เป็นการรับสินบนแป๊ะเจี๊ยะหรือไม่ แต่ทางโรงเรียนได้รับรถมาในช่วงเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน 2560 ซึ่ง สพม. เขต 1 กทม. ต้องไปดูรายละเอียดต่างๆ อีกครั้งหนึ่งก่อน ทั้งนี้จากการประชุมคณะกรรมการรับนักเรียนโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ที่มีผมและผู้แทนจากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เข้าร่วมเมื่อวันที่ 18 มีนาคมที่ผ่านมา ผมได้สอบถามเรื่องรถตู้ในที่ประชุมแล้ว แต่ทางโรงเรียนไม่สามารถอธิบายได้ชัดเจนว่าได้รถเหล่านี้มาอย่างไร และถ้าได้รับมาไม่ถูกต้อง ควรจะคืนไปหรือไม่ ซึ่งสัปดาห์หน้าผมจะหารือกับนายโสภณอีกครั้ง เพราะขณะนี้เอกสารหลักฐานเริ่มชัดเจนขึ้นมาแล้วว่ารถเป็นชื่อใคร ใครบริจาคบ้าง ซึ่งผมขอเวลารวบรวมข้อมูลก่อน คาดว่าสัปดาห์หน้าจะมีความคืบหน้ามากยิ่งขึ้น” นายธนารัชต์ กล่าว

นายธนารัชต์ กล่าวด้วยว่า สำหรับผลการสืบสวนของคณะกรรมการสืบข้อเท็จจริง กรณีที่มีการแชร์ข้อความและภาพครูพลศึกษาชาย โรงเรียนสตรีชื่อดังย่านฝั่งธนฯ มีพฤติกรรมอนาจารนักเรียนหญิงหลายคนและมีการคุยแชทกับนักเรียน ได้สรุปผลการสืบข้อเท็จจริงและส่งรายงานอย่างเป็นทางการให้ตนเรียบร้อยแล้ว โดยผลสืบข้อเท็จจริง พบว่ามีมูลจริง ซึ่งจากการได้พูดคุยกับนักเรียน และผู้ปกครอง ยืนยันตรงกันในเรื่องของการแชทกับนักเรียน ส่วนเรื่องอนาจาร มีนักเรียนที่เป็นศิษย์เก่าร้องเรียน แต่ไม่ขอเปิดเผยรายละเอียด ถือเป็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมที่กระทำกับนักเรียน กระบวนการต่อจากนี้ นิติกรของ สพม.เขต 1 กทม.จะทำการตรวจสอบสำนวนอีกครั้ง ซึ่งกรณีดังกล่าวเข้าข่ายกระทำความผิดวินัยอย่างร้ายแรง แต่ต้องรอให้ นิติกรสรุปสำนวนชัดเจน คาดว่าใช้เวลาไม่นานและจะส่งเรื่องต่อให้คณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัด(กศจ.) กรุงเทพมหานคร ซึ่งมีอำนาจในการตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรงต่อไป

Advertisement

“ส่วนประเด็นที่ ครูพละคนดังกล่าว มีความขัดแย้งกับครูดนตรี นั้น ก็ถือเป็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมและเข้าข่ายความผิดวินัยไม่ร้ายแรง ซึ่งได้มอบให้ผู้อำนวยการโรงเรียนดำเนินการตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยไม่ร้ายแรง เพราะมีอำนาจในฐานะผู้บังคับบัญชา คาดว่าสัปดาห์หน้าจะเริ่มตั้งคณะกรรมการและสอบสวนต่อไป โดยมีกรอบเวลาไม่เกิน 30 วัน อย่างไรก็ตาม โทษของวินัยไม่ร้ายแรง มีตั้งแต่ว่ากล่าวตักเตือน ภาคทัณฑ์ ลดขั้นเงินเดือน ส่วนโทษของวินัยร้ายแรงคือปลดออกและไล่ออกจากราชการ” นายธนารัชต์ กล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image