เมื่อวันที่ 16 เมษายน นพ.อุดม คชินทร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยว่า ตามที่เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาได้เผยแพร่ประกาศ พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา (ฉบับที่ 5) พ.ศ.2562 ซึ่งเป็นการแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.ระเบียบระเบียบข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา พ.ศ.2547 โดยให้เพิ่มความในมาตรา 8/1 ในกรณีที่มีเหตุผลและความจำเป็น เพื่อเป็นการเยียวยาให้ข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษาได้รับเงินเดือน หรือเงินประจำตำแหน่งที่เหมาะสม และเป็นธรรม คณะกรรมการข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา (ก.พ.อ.) อาจกำหนดให้ข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษาได้รับการเยียวยา โดยให้ได้รับเงินเดือน หรือเงินประจำตำแหน่งตามที่เห็นสมควรเป็นกรณีๆ ไปก็ได้ โดยให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) กำหนดนั้น จากนี้สำนักงานคณะกรรมการการอุมศึกษา (สกอ.) ต้องเร่งดำเนินการเสนอ ครม.เพื่อขออนุมัติงบประมาณ ซึ่งส่วนตัวคิดว่าไม่น่าจะมีปัญหา และน่าจะดำเนินการแล้วเสร็จทันภายในรัฐบาลนี้
“ผมพยายามเข้ามาผลักดันเรื่องนี้ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับข้าราชการในสถาบันอุดมศึกษา ให้ได้รับการปรับเพิ่มเงินเดือน 8% เท่ากับข้าราชการครู และคิดว่าจะทำให้เสร็จภายในรัฐบาลนี้ อย่างไรก็ตาม เรื่องดังกล่าวได้หารือก่อนที่ผมจะเข้ามารับตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการ ศธ.โดยนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี มีข้อเสนอให้ปรับแก้ พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา พ.ศ.2547 โดยเพิ่มช่องทางให้สามารถเยียวยาปรับเพิ่มเงินเดือนให้กับข้าราชการในมหาวิทยาลัยได้ ซึ่งขณะนี้ถือว่าการดำเนินการในส่วนนั้นเรียบร้อยแล้ว เหลือเพียงเสนอ ครม.เพื่อของบสนับสนุน ส่วนจะย้อนหลังไปถึงเดือนมีนาคม 2554 หรือไม่นั้น ยังไม่สามารถบอกได้ ต้องขึ้นอยู่กับการพิจารณาของ ก.พ.อ.” นพ.อุดม กล่าว
นพ.อุดมกล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตาม แม้จะมีการจัดตั้งกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ขึ้นก่อน ครม.จะมีมติอนุมัติงบเพิ่มเงินเดือนให้ข้าราชการมหาวิทยาลัยกลุ่มนี้ ก็เชื่อว่าจะไม่มีปัญหา การโอนย้ายบุคลากรจะอยู่ในส่วนของฝ่ายสนับสนุนเท่านั้น อาจารย์ยังอยู่กับมหาวิทยาลัยตามเดิม
นายฤๅเดช เกิดวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา (มร.สส.) กล่าวว่า อยากให้ สกอ.และ ก.พ.อ.เร่งดำเนินการเรื่องนี้โดยเร็วที่สุด เพื่อเยียวยาข้าราชการมหาวิทยาลัย ซึ่งขณะนี้แต่ละแห่งเหลืออยู่ไม่มากนัก ส่วนใหญ่จะอยู่ในกลุ่มมหาวิทยาลัยราชภัฏ (มรภ.) และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชการมงคล (มทร.) โดยในส่วนของ มร.สส.เหลือข้าราชการอยู่ประมาณ 120 คน ซึ่งถือว่าไม่มากนัก
